รู้หมู่ รู้จ่า ว่า “ผู้นำ” คนใด “ชนะใจชาวโลก” ณ ชั่วโมงนี้ กันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับ ผลการสำรวจความคิดเห็นประชาคมทั่วโลก ที่ประกาศออกมาโดย “แกลลัพ” สำนักโพลล์ชื่อดังระดับโลก ซึ่งมีที่ตั้งสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมืองหลวงของสหรัฐอเมริกา ภายหลังจากสำรวจความคิดเห็นของประชาชีจาก 133 ประเทศ ทั่วโลก ที่มีต่อผู้นำชาติมหาอำนาจ 4 ประเทศ ยุคปัจจุบัน ได้แก่ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐอเมริกา ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีนแผ่นดินใหญ่ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย และ นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีหญิงแห่งเยอรมนี โดยทางแกลลัพ ดำเนินการเก็บข้อมูลตั้งแต่เดือน มี.ค. ตลอดถึงช่วงเดือน ธ.ค. ปีที่แล้ว ที่ผ่านมา ปรากฏว่า ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า นางแมร์เคิล นายกรัฐมนตรีหญิงแห่งแดนอินทรีเหล็ก หรือเมืองเบียร์ อันเป็นนิกเนมของเยอมนี ยังคงมาแรงแซงโค้งเหนือผู้นำคนอื่นๆ ตามตัวเลขที่คิดตามอัตราค่าเฉลี่ยร้อยละ แสดงว่า นายกรัฐมนตรีหญิงเหล็ก “แมร์เคิล” ได้คะแนนนิยมไปถึงร้อยละ 39 ซึ่งก็ต้องถือว่า สวนทางกับคะแนนนิยมของประชาชนชาวเมืองเบียร์ คือ ชาวเยอรมัน ที่เริ่ม “ยี้” กับผู้นำหญิงของชาติตนเองรายนี้ แบบหน้ามือเป็นหลังมือ ชนิดที่รัฐบาลของเธอเอง กว่าจะตั้ง ฟอร์มทีมคณะรัฐมนตรีขึ้นมาได้ ก็ใช้เวลายืดเยื้อยาวนานครั้งประวัติการณ์ของเยอรมนีกันเลยทีเดียว อย่างไรก็ดี เมื่อเอ่ยคะแนนนิยมของผู้นำหญิงแกร่งแห่งเมืองเบียร์ผู้นี้ ก็ต้องถือว่า ยัง “ดีอยู่” ในสายตาชาวโลก เพราะเป็นอีกปีแล้วที่นางแมร์เคิล “รั้งแชมป์” ภายหลังจากที่ทาง “ แกลลัพ” สำรวจโพลล์เมื่อปีก่อนหน้า ก็พบว่า มาเป็นลำดับที่ 1 ด้วยคะแนนนิยมถึงร้อยละ 49 ด้วยกัน แม้ว่าในการสำรวจหนล่าสุดนี้ คะแนนนิยมของเธอจะหดหายไปถึง 10 จุด ก็ตาม ส่วนผู้ที่ได้อันดับสองรองจากนายกรัฐมนตรีหญิงเหล็ก ก็เป็น “ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีนแผ่นดินใหญ่” โดยได้คะแนนนิยมจากชาวโลกไปจำนวนร้อยละ 34 ซึ่งแม้ว่าผู้นำแดนมังกรรายนี้จะได้รั้งตำแหน่งรองแชมป์ แต่เมื่อพูดถึงคะแนนนิยมที่เขาได้รับ ก็ต้องบอกว่า ลดลงจากการสำรวจปีก่อน ที่ได้ร้อยละ 37 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีนแผ่นดินใหญ่ ตามมาด้วยอันดับสาม ตกเป็นของ “ผู้นำจอมสร้างสีสันของชาวมะกัน” อย่าง “ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา” โดยผู้นำของแดนพญาอินทรีผู้นี้ ได้คะแนนนิยมจากชาวโลกไปด้วยร้อยละ 31 ซึ่งเมื่อว่าตัวเลขของคะแนนที่ได้ก็ต้องถือว่า “เสมอตัว” เพราะได้ไปร้อยละ 31 เท่ากับการสำรวจของโพลล์เมื่อปีก่อน แต่ถ้าเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้าถัดไป ก็ต้องบอกว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ดีขึ้นมา 1 จุด คือ เคยได้คะแนนเพียงร้อยละ 30 ในช่วงที่เขารับ “ไม้ต่อ” ในฐานะผู้นำสหรัฐฯ ต่อจากประธานาธิบดีบารัก โอบามา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ทั้งนี้ เมื่อกล่าวถึงอดีตประธานาธิบดีผิวสีคนแรกของสหรัฐฯ รายนั้นแล้ว ก็ต้องบอกว่า เคยทำให้คะแนนนิยมของผู้นำประเทศลุงแซมขึ้นไปแตะถึงร้อยละ 40 มาแล้ว ในการสำรวจเมื่อปี 2559 อันเป็นปีสุดท้ายที่นายโอบามา ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ขณะที่ อันดับสุดท้าย คือ ที่สี่ ตกเป็นของ “ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย” โดยที่ได้รับคะแนนนิยมจากประชาคมโลกไปด้วยจำนวนร้อยละ 30 ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับการสำรวจของปีก่อนที่เคยได้ ก็ต้องถือว่า ลดต่ำลงอย่างน่าตกใจ เพราะคะแนนหายไปถึง 13 จุด จากการที่เคยได้ถึงร้อยละ 43 ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ผลคะแนนนิยมข้างต้นที่ปรากฏออกมา ซึ่งแม้ว่าจะมาจากกลุ่มตัวอย่างเพียงส่วนหนึ่งจากทั่วทุกมุมโลก แต่ก็ต้องถือว่า เป็นกระจกสะท้อนผลงานการบริหารประเทศที่เกี่ยวเนื่องกับด้านการต่างประเทศ ที่ชาวโลกตะโกนส่งเสียงบอก ที่เหล่าผู้นำต้องพึงตระหนัก มิอาจนิ่งดูดายด้วยประการทั้งปวง