‘เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย’ จัดเต็มรุกตลาดลิขสิทธิ์คอนเทนต์ภูมิภาคอาเชียน.ชี้เป็นตลาด Blue Ocean ดันสัดส่วนต่างประเทศเพิ่มเป็น 30% ของรายได้รวมปีนี้.ดีเดย์ปั้น JKN CNBC ผลิตรายการข่าวเศรษฐกิจป้อนทีวีดิจิทัลกลางปีนี้ ‘บมจ.เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย หรือ JKN’ ผู้นำการจัดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ระดับสากล เปิดแผนรุกธุรกิจปี 2562 ปูพรมขยายฐานลูกค้าซีรี่ส์อินเดีย-ฟิลิปปินส์ในภูมิภาคอาเซียนผ่านช่องทางเผยแพร่ทุกแพลตฟอร์ม ภายใต้แนวคิดการตลาด ‘ซูเปอร์สตาร์มาร์เก็ตติ้ง’ ตอกย้ำผู้นำอุตสาหกรรม ชี้ช่องทาง Video on Demand หรือ VOD มาแรงรับเทรนด์ผู้ชมยุคใหม่ พร้อมส่งรายการข่าวจาก JKN CNBC ชิงฐานผู้ชมคอข่าวเศรษฐกิจกลางปีนี้ ป้อนลูกค้าช่องทีวีดิจิทัล เสริมความแข็งแกร่งของรายได้ หวังดันสิ้นปีเติบโต 20% คุณจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ JKN ผู้นำการจัดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ระดับสากล เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจในปี 2562 บริษัทฯ จะเน้นรุกขยายตลาดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ซีรี่ส์อินเดีย-ฟิลิปปินส์ ไปยังตลาดอาเซียนในทุกแพลตฟอร์มให้มากยิ่งขึ้น ด้วยแนวคิดการตลาด ‘ซูเปอร์สตาร์มาร์เก็ตติ้ง’ เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำอุตสาหกรรมในภูมิภาคนี้ โดยบริษัทฯ ได้ใช้งบเงินลงทุนกว่า 800 ล้านบาท ซื้อลิขสิทธิ์คอนเทนต์เพิ่มเติมเพื่อรองรับแผนงานการขยายธุรกิจทั้งต่างประเทศและในประเทศ ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนขยายตลาดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ไปยังประเทศเวียดนาม มาเลเซีย บรูไนและไต้หวันเพิ่มเติม เนื่องจากตลาดต่างประเทศถือเป็น Blue Ocean ที่ JKN มีโอกาสนำลิขสิทธิ์คอนเทนต์ในมือไปสร้างฐานรายได้ให้เติบโตได้อีกมาก หลังจากปีที่ผ่านมาประสบความสำเร็จในการทำตลาดในประเทศเมียนมาร์ ลาวและกัมพูชา ที่ผู้ประกอบการสถานีโทรทัศน์ให้ความสนใจซื้อลิขสิทธิ์คอนเทนต์ไปออกอากาศ ส่งผลสัดส่วนรายได้จากตลาดต่างประเทศในปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 20% จากรายได้รวมในปีที่ผ่านมาและปีนี้คาดว่าสัดส่วนรายได้จะเพิ่มเป็น 30% ส่วนตลาดลิขสิทธิ์คอนเทนต์ภายในประเทศที่ JKN จะได้รับปัจจัยสนับสนุนการเติบโตจากการจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ผ่านผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลได้เพิ่มขึ้น หลังจาก กสทช. มีแนวคิดออกมาตรการช่วยเหลือทีวีดิจิทัล เช่น การอุดหนุนค่าใบประมูลอนุญาต การอุดหนุนค่าเช่าโครงข่ายโทรทัศน์ภาคพื้นดินระบบดิจิทัล (MUX) ทำให้ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลของไทยมีต้นทุนค่าใช้จ่ายดำเนินงานลดลง และสามารถนำงบดังกล่าวมาใช้สร้างจุดแข็งให้แก่สถานีฯ ผ่านการซื้อลิขสิทธิ์คอนเทนต์ซีรี่ส์อินเดีย-ฟิลิปปินส์เพื่อนำไปออกอากาศ ซึ่งมีต้นทุนถูกกว่าการผลิตรายการเอง เพื่อนำไปออกอากาศสร้างฐานผู้ชมให้แก่สถานีได้ นอกเหนือจากช่องทางจำหน่ายให้แก่ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลแล้ว บริษัทฯ มองว่าการจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ผ่านช่องทางการเผยแพร่ Video on Demand หรือ VOD มีแนวโน้มเติบโตที่ดีต่อเนื่อง หลังจากปีที่ผ่านมาบริษัทฯ สามารถทำรายได้เติบโตมากกว่า 50% ซึ่งเป็นไปตามพฤติกรรมของผู้บริโภคให้ความสนใจชมคอนเทนต์ผ่านทางออนไลน์เพิ่มขึ้น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JKN กล่าวว่า ส่วนการเป็นตัวแทนจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ละครจากสถานีช่อง 3 นั้น บริษัทฯ มีแผนขยายตลาดในประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซียและไต้หวันเพิ่มเติมเช่นกัน จากเดิมที่ได้จำหน่ายคอนเทนต์จากช่อง 3 ให้แก่สถานีโทรทัศน์ในประเทศฟิลิปปินส์และได้ทยอยส่งลิขสิทธิ์คอนเทนต์ไปออกอากาศเป็นที่เรียบร้อยแล้วและได้ทยอยรับรู้รายได้ตามงวดการส่งมอบตั้งแต่ปีที่ผ่านมา สำหรับการดำเนินธุรกิจผลิตคอนเทนต์รายการข่าวภายใต้แบรนด์ JKN CNBC ซึ่งบริษัทฯ ได้รับลิขสิทธิ์การผลิตคอนเทนต์ภายใต้แบรนด์ CNBC เป็นระยะเวลา 10 ปีนั้น คาดว่าภายในกลางปีนี้จะสามารถเริ่มผลิตคอนเทนต์ที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ เพื่อป้อนให้แก่สถานีโทรทัศน์ทีวีดิจิทัลเพิ่มเติม จากเดิมที่จำหน่ายคอนเทนต์จาก JKN CNBC ให้แก่ช่อง 3 และช่อง Bright TV แล้ว โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับทีวีดิจิทัลอยู่หลายช่องและจะสรุปรายละเอียดได้ในเร็วๆ นี้ “ปีนี้จะเห็น JKN รุกตลาดต่างประเทศอย่างจริงจัง ซึ่งเป็นตลาด Blue Ocean ที่เราจะขยายตัวได้อีกมาก เพื่อสร้างฐานรายได้ให้เติบโตตามแผน โดยที่ผ่านมาได้ลงทุนเพิ่มขีดความสามารถการผลิตคอนเทนต์ไม่ว่าจะเป็นห้องพากย์และทีมงานรวมถึงเทคโนโลยีเพื่อรองรับไว้เรียบร้อยแล้ว ทำให้เราสามารถส่งมอบคอนเทนต์ให้แก่ลูกค้านำไปออกอากาศได้เร็วขึ้น ส่งผลดีต่อการผลักดันเป้าหมายปีนี้เติบโต 20% ตามแผน” คุณจักรพงษ์ กล่าว