กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาท ในสัปดาห์นี้ว่ามีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 31.50-31.95 ต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดอ่อนค่าที่ 31.72 ต่อดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว  โดยเงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 5 สัปดาห์ ท่ามกลางแรงซื้อดอลลาร์ในตลาดโลก ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทยมูลค่า 7.2 พันล้านบาท และ 2.3 พันล้านบาท ตามลำดับ     กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่าการอ่อนค่าของเงินบาทสะท้อนความไม่แน่นอนของแนวโน้มดอกเบี้ยสหรัฐฯ ราคาทองคำที่ผันผวน และการปรับสถานะของนักลงทุนหลังจากเงินบาทแข็งค่าอย่างรวดเร็วในช่วงก่อนหน้า ในเดือนกุมภาพันธ์ เงินบาทอ่อนค่าราว 0.9% แต่หากนับตั้งแต่ต้นปี เงินบาทแข็งค่ากว่า 2.3% เกาะกลุ่มสกุลเงินซึ่งแข็งค่าเป็นอันดับต้นๆ ของภูมิภาค ขณะที่การเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยยังน่าจะช่วยพยุงค่าเงินบาทไว้ได้ ทั้งนี้ ตลาดจะให้ความสนใจกับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ ดัชนีภาคบริการ และการจ้างงานนอกภาคเกษตร หลังจากประธานาธิบดีทรัมป์วิจารณ์นโยบายของเฟดและการแข็งค่าที่มากเกินไปของเงินดอลลาร์ นอกจากนี้ นักลงทุนจะจับตาการประชุมธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ความคืบหน้าประเด็น Brexit รวมถึงกระแสข่าวเกี่ยวกับการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ท่ามกลางความหวังที่ว่าทั้งสองประเทศใกล้บรรลุข้อตกลง  สำหรับปัจจัยในประเทศ  ผู้ว่าการธปท.กล่าวว่าเศรษฐกิจไทยไตรมาส 1/2562 อาจเติบโตชะลอลงเมื่อเทียบกับการขยายตัว 3.7% ในไตรมาส 4/2561 แต่การชะลอตัวของเศรษฐกิจเป็นสิ่งที่ธปท.ประเมินไว้แล้ว และเชื่อว่าปีนี้จะยังเติบโตได้ 4.0% ขณะที่ธปท.จะเร่งสร้างภูมิคุ้มกันรองรับความผันผวนจากภายนอก รวมถึงจะดูแลจุดเปราะบาง เช่น ปัญหาหนี้ครัวเรือน และภาวะ Search for Yield ด้านกระทรวงพาณิชย์รายงานดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปเดือน ก.พ.สูงขึ้น 0.73% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากราคาสินค้าเกษตรทำให้ราคาอาหารสดสูงขึ้น รวมทั้งเป็นผลจากราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศ อนึ่ง แม้เงินเฟ้อยังอยู่ต่ำกว่าขอบล่างของกรอบเป้าหมายคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เป็นเดือนที่ 4 แต่ท่าทีของธปท.ที่ต้องการจัดการความเสี่ยงด้านเสถียรภาพสนับสนุนมุมมองของเราที่ว่า ทางการจะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายสู่ 2.00% ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้