กนอ. จับมือผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมรายใหญ่ของไทย เปิดศูนย์ SMEs-ITC เพื่อเสริมศักยภาพการผลิต ต่อยอดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมแก่เอสเอ็มอี-สตาร์ทอัพหน้าใหม่ 13 แห่ง ในนิคมฯ ทั่วประเทศ ดร.สมจิณณ์ พิลึก ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า จากการที่รัฐบาลมีนโยบาย ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทย โดยการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการไทยทั้งระบบ ในด้านการปรับปรุงประสิทธิภาพ การบริหารจัดการ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อยกระดับมาตรฐานการผลิต เพิ่มมูลค่าของสินค้าให้กับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และ สตาร์ทอัพ (Startup) ผ่านกลไกการทำงานของศูนย์ SMEs Industry Transformation Center : SMEs-ITC รวมทั้งสิ้น 13 แห่ง ในนิคมอุตสาหกรรมทั่วประเทศ โดยในปี 2561 ที่ผ่านมา ได้เปิดอย่างเป็นทางการไปแล้ว จำนวน 10 แห่ง และในปี 2562 กนอ.ได้ร่วมกับผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ดำเนินการเปิดศูนย์ SMEs-ITC เพิ่มอีก จำนวน 3 แห่ง ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ชลบุรี 2 และนิคมอุตสาหกรรมทีเอฟดี จังหวัด ฉะเชิงเทรา “ทั้งนี้เป้าหมายการเปิดศูนย์ SMEs-ITC ทั้ง 3 แห่ง เป็นพื้นที่เป้าหมายการลงทุนที่มีศักยภาพของอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ทั่วโลก ดังนั้นเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพจะเป็นส่วนสนับสนุนในส่วนการผลิตที่เชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ และอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ต้องพร้อมในด้านการผลิตให้ได้มาตรฐานสามารถต่อยอดผลิตภัณฑ์ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการด้านต้นทุนที่สามารถแข่งขันได้”ดร.สมจิณณ์กล่าว สำหรับการดำเนินงานของศูนย์ SMEs-ITC ในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ จะมุ่งเน้นให้เกิดการเชื่อมโยงการบริการ ไปสู่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับ SMEs ทั้งในและนอกพื้นที่ โดยศูนย์บริการดังกล่าวจะให้บริการด้านต่างๆทั้งการใช้เป็นศูนย์การฝึกอบรมเพื่อเป็นแหล่งเพิ่มองค์ความรู้ทั้งด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ การสร้างผลิตภัณฑ์ต้นแบบ การเชื่อมโยงธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการ ในพื้นที่ให้บริการที่ครบวงจร หรือ Co-Working Space ขณะเดียวกันยังสามารถให้คำปรึกษาในด้านการเข้าถึงแหล่งเงินทุนและโอกาสขยายธุรกิจ เพื่อการลงทุนทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ผ่านผู้เชี่ยวชาญของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและเอกชน ที่จะเข้ามาทำหน้าที่เป็นเสมือนพี่เลี้ยงในการให้คำปรึกษาในด้านต่างๆ เช่น การต่อยอดผลิตภัณฑ์ การบริหารจัดการด้านการตลาด เป็นต้น นอกจากนี้นับเป็นการตื่นตัวของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพ ที่ให้ความสำคัญในการยกระดับการผลิตในด้านต่างๆ ผ่านการเข้ามาใช้บริการภายในศูนย์ SMEs-ITC ที่มีการเปิดให้บริการไปแล้วเมื่อปีที่ผ่านมา ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง/นิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือ/นิคมอุตสาหกรรมภาคใต้/นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด/นิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ซิตี้ /นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน/นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง/นิคมอุตสาหกรรมบางชัน/นิคมอุตสาหกรรมบางปู/นิคมอุตสาหกรรมสมุทรสาคร ดร.สมจิณณ์ กล่าวว่า การพัฒนา SMEs และสตาร์ทอัพ ผ่านศูนย์ดังกล่าว จะเป็นส่วนสำคัญของการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมและธุรกิจไทย ให้มีความเข้มแข็ง พร้อมที่จะพัฒนาธุรกิจไปสู่การเป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญด้านการ ผลิตจนเป็นที่ยอมรับของตลาดโลก