“รองโฆษก ตร.”ย้ำจนท.เร่งติดตามผู้สูญหายเหตุเรือประมงล่ม

วันที่ 2 มี.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. เปิดเผยถึงเหตุ เรือประมงล่มและมีผู้สูญหาย เหตุเกิดในพื้นที่ สภ.เมืองสตูล ว่าได้รับรายงานจาก สภ.เมืองสตูล ภ.จว.สตูล ว่า วันนี้ 2 มีนาคม 2562 เวลาประมาณ 09.00 น. ได้รับแจ้งจาก ส.รน.3 กก.9 บก.รน.ว่า มีเหตุ มีเรือประมง (เรือทัวร์เบ็ด) จมลงที่บริเวณ ด้านทิศตะวันออกของเกาะตะรุเตา (ใกล้เกาะตาบัน/กามัน) เจ้าหน้าที่สามารถช่วยเหลือได้แล้วจำนวน 7 ราย ซึ่งขณะนี้ถูกนำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลสตูล อยู่ในระหว่างการักษาตัวของแพทย์ จากนั้นพนักงานสอบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงได้เดินทางไปตรวจสอบที่โรงพยาบาล ทั้งนี้จากการสืบสวนสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ลูกเรือจำนวน 8 ราย และเจ้าของเรือ 1 ราย รวม 9 ราย โดย ได้ออกจากท่าเรือกาลันยีตัน ต.เจ๊ะบิลัง อ.เมืองสตูล เมื่อเวลาประมาณ เวลาประมาณ 17.00 น.ของวันที่ 1 มีนาคม 2562 จากนั้นเนื่องจากมีคลื่นลมแรง จนกระทั่งถูกคลื่นซัดทำให้เรือจมน้ำในที่สุด โดยต่อมามีชาวบ้านที่ออกมาหาปลาได้เห็น ลูกเรือจำนวน 1 ราย ได้ลอยคอในทะเล จึงให้การช่วยเหลือและประสานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำให้ทราบ โดยได้ออกติดตามค้นหา จนกระทั่งได้พบลูกเรือ กับเจ้าของเรือ รวมจำนวน ทั้งสิ้น 7 ราย ยังคงสูญหายอีก 2 ราย จากนั้นจึงได้นำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาล จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงได้เร่งติดตามค้นหาผู้สูญหายที่เหลือ รวมถึงบูรณาการประสานงานแลกเปลี่ยนข้อมูล และติดตามเร่งค้นหาผู้สูญหายที่เหลือ ต่อไป ซึ่งขณะนี้ ยังคงเหลือผู้สูญหายจากเหตุการณ์เรือล่มอีกจำนวน 2 ราย ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนั้น กำลังเร่งค้นหาติดตามผู้สูญหายจากเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง รองโฆษก ตร. กล่าวต่อว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจบูรณาการกับเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนในการช่วยเหลือติดตามผู้สูญหายจากเหตุการณ์ดังกล่าวโดยเร็วที่สุด พร้อมยังกำชับให้เจ้าหน้าที่ที่มีการฝึก อบรม ทำความรู้ ความเข้าใจ ทบทวน ทักษะในการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยประเภทต่าง ให้เกิดความชำนาญในขั้นตอนการปฏิบัติ และมีการวางแผนการปฏิบัติที่เป็นระบบ ให้ผู้บังคับบัญชาควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิด ซึ่งถือเป็นการเตรียมพร้อมในการช่วยเหลือประชาชน และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่พี่น้องประชาชน