ตามที่ได้มีการนำเสนอข่าวผ่านสื่อ เรื่องแผนการติดตั้งฐานหลุมผลิตปิโตรเลียมใกล้กับพื้นที่แหล่งโบราณสถาน เมืองศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ ของบริษัท อีโค่ โอเรียนท์ รีซอสเซส (ประเทศไทย) จำกัด นั้น นางเปรมฤทัย วินัยแพทย์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เปิดเผยว่า ฐานหลุมผลิตดังกล่าว คือ ฐาน STN-2 ซึ่งอยู่ในแปลงสำรวจปิโตรเลียม หมายเลข L44/43 ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์และจังหวัดลพบุรี ซึ่งได้รับสัมปทานเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2546 ดำเนินการโดยบริษัท อีโค่ โอเรียนท์ รีซอสเซส (ประเทศไทย) จำกัด และได้รับพื้นที่ผลิตปิโตรเลียมไปเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2561 ซึ่งปัจจุบันยังไม่ได้ดำเนินการเจาะหลุมผลิตปิโตรเลียมใด ๆ ใกล้กับแหล่งโบราณสถานในพื้นที่ดังกล่าว โดยอยู่ระหว่างขั้นตอนรับฟังความคิดเห็นในพื้นที่เท่านั้น อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับแผนการดำเนินการเจาะหลุมผลิตปิโตรเลียมในครั้งนี้ บริษัทฯ จะต้องดำเนินการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ จำนวนอย่างน้อย 2 ครั้ง เพื่อนำไปประกอบการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA ซึ่งปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในครั้งแรกเพื่อแจ้งข้อมูลโครงการ รับฟังความคิดเห็น ข้อห่วงกังวล รวมทั้งข้อเสนอแนะต่าง ๆ เพื่อนำมาจัดทำร่างมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบ และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการฯ หลังจากนั้นบริษัทฯ มีแผนจะดำเนินการรับฟังความคิดเห็นในครั้งที่ 2 ในช่วงปลายเดือนเมษายน 2562 เพื่อแจ้งผลการศึกษา และร่างมาตรการต่าง ๆ ในการนำไปปรับปรุง ประกอบการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและส่งให้กับสำนักงานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อม (สผ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พิจารณาต่อไป “บริษัทฯ เองได้ตระหนักถึงความสำคัญในการดำเนินงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมภายใต้กฎหมายปิโตรเลียม ในด้านการดูแลด้านความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมทั้งด้านทรัพยากรธรรมชาติ เศรษฐกิจ และสังคม เพื่อป้องกันผลกระทบในทางลบที่อาจเกิดขึ้นให้น้อยที่สุด และในกรณีนี้ บริษัทฯ ยืนยันว่า หากเกิดผลกระทบทั้งต่อประชาชนและแหล่งโบราณสถาน บริษัทฯ ก็พร้อมที่จะทบทวนแผนการดำเนินงานในพื้นที่ต่อไป” อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กล่าวในที่สุด กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแลด้านการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมของประเทศ มีนโยบายให้บริษัทฯ ผู้ประกอบการด้านปิโตรเลียมดำเนินการภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้องทุกประการ โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อประชาชนในด้านต่าง ๆ เพื่อให้เกิดการอยู่ร่วมกัน และเกิดความร่วมมือที่ดีกับทุกภาคส่วน รวมถึงประชาชนในพื้นที่ โดยมีเป้าหมายสำคัญคือการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ