"บิ๊กแป๊ะ"เร่งสอบคดีชิงทรัยพ์รถขนเงิน บานปลาย ตรวจสอบปืนพบว่า ผบ.หมู่ฯ กก.สส.ฯ ขณะปฏิบัติหน้าที่สิบเวรรักษาการณ์ แอบนำกุญแจคลังอาวุธลักเอาอาวุธปืนไปจำนวน 11 กระบอขายพลเรือน วันที่ 28 ก.พ.62 ที่ สน.หนองค้างพลู พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.น. และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันซักถามปากคำ นายจิรายุส หรือแบงค์ สวนมิ อายุ 19 ปี ผู้ต้องหา คดีร่วมกันชิงทรัยพ์รถขนเงินฯ เพื่อขยายผลและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป พล.ต.อ.จักรทิพย์ เปิดเผยถึงกรณี อาวุธปืน ของ กก.สส.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา หายไปจากคลังอาวุธ หลังจากที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.วังทองหลางตรวจยึดได้ ว่าได้รับรายงานจาก ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ว่า เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2562 พ.ต.อ.ภัทรภัทร นุชยวง ผกก.กก.สส.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา กรณีอาวุธปืนพกสั้น กึ่งอัตโนมัติ ยี่ห้อซิกซาวเออร์ รุ่น พี 320 ของทางราชการ จำนวน 11 กระบอก ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบได้ถูกคนร้ายลักเอาไป และมีอยู่ 1 กระบอก ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.วังทองหลาง ตรวจยึดไว้ได้พร้อมตัวผู้ต้องหา ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.วังทองหลาง ได้จับกุม นายอาทิตย์ หาญพานิชกิจ พร้อมของกลางจำนวนหลายรายการ ในนั้นมีปืนพกสั้น ยี่ห้อซิกซาวเออร์ ของทางราชการของ กก.สส.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ซึ่ง กก.สส.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ได้ทำการตรวจสอบพบว่าเป็นอาวุธปืนยี่ห้อซิกซาวเออร์ ที่รับมาไว้ประจำหน่วยจริง และถูกคนร้ายซึ่งยังไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด ลักไปจากคลังพัสดุ จึงร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดตามกฎหมายจนกว่าคดีจะถึงที่สุด จากการสืบสวนสอบสวนทราบว่า เมื่อ 22 ธ.ค. 61 เวลาประมาณ 02.00 น. ส.ต.ท.สันติ จับเทียน ผบ.หมู่ฯ กก.สส.ฯ ขณะปฏิบัติหน้าที่สิบเวรรักษาการณ์ แอบนำกุญแจคลังอาวุธ เปิดคลังแล้วลักเอาอาวุธปืนไปจำนวน 11 กระบอก นำขายพลเรือนที่ร่วมกันกระทำผิดดังกล่าว จำนวน 3 คน พนักงานสอบสวนจึงได้ยื่น ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อนุมัติหมายจับผู้ต้องหา ในความผิดฐาน “ลักทรัพย์ในสถานที่ราชการในเวลากลางคืน หรือรับของโจร มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฏหมาย พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยผิดกฏหมาย” เบื้องต้นสามารถจับกุมตัวได้แล้ว 3 คน อยู่ระหว่างหลบหนี 1 คน พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวอีกว่าภ.จว.พระนครศรีอยุธยา มีคำสั่งตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ส.ต.ท.สันติ จับเทียน ผบ.หมู่ฯ กก.สส.ฯ และมีคำสั่งให้ออกจากราชไว้ก่อน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม โปร่งใส กับทุกฝ่าย โดยในส่วนการดำเนินความผิดทางอาญากับผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย โดยพนักงานสอบสวนก็จะรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินตามข้อหาความผิดในข้างต้นและเร่งติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็ว สำหรับผู้ที่รับซื้ออาวุธปืนไปจากกลุ่มผู้ต้องหาถือว่าได้กระทำความผิดฐานรับซื้อของโจร โดยจะขยายผลสืบสวนจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องรายอื่นๆและดำเนินการติดตามตรวจยึดอาวุธปืนกลับมาโดยเร็ว ยืนว่าจะดำเนินคดีผู้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่กระความผิดดังกล่าว โดยไม่มีการละเว้นและไม่มีผู้ใดสามารถให้ความช่วยเหลือได้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวอีกว่า ได้สั่งการให้ดำเนินการสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานด้วยความรอบคอบ โปร่งใส รวดเร็ว เป็นธรรม ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งหากทำผิดจริง ต้องเอาโทษให้ถึงที่สุด ทั้งทางวินัยและทางอาญา อย่างเด็ดขาด โดยจะต้องรับโทษหนักกว่าบุคคลธรรมดา เพราะว่าเป็นผู้บังคับใช้กฎหมายแต่กลับทำผิดเสียเอง โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย ไม่เคารพต่อเกียรติของตำรวจ พร้อมทั้งกำชับให้ผู้บังคับบัญชาในทุกระดับชั้น เพิ่มความเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัย สอดส่อง ตรวจตรา ความสงบเรียบร้อย รวมไปถึง มาตรการในการป้องกันเหตุ สำรวจสิ่งของหลวงตามกำหนด โดยเน้นย้ำ อย่าให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้ขึ้นอีก และได้กำชับกองบัญชาการทุกภาคส่วน ให้กำกับ ดูแล ผู้ใต้บังคับบัญชาในสังกัด อย่างใกล้ชิด คอยสอดส่อง ดูแล ให้ประพฤติปฏิบัติตนให้อยู่ในระเบียบวินัย ตามคำสั่ง ตร.ที่ 1212/2537 โดยต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่ประพฤติปฏิบัติตนเป็นผู้กระทำความผิดเสียเองหรือสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น