เจาะเฟรม/การะเกด แต่ก่อนนั้น เราเชื่อว่า หนังคือส่วนหนึ่งแห่งบทบันทึกทางประวัติศาสตร์ เพราะไม่เพียงจะสะท้อนแนวคิดของผู้คนในช่วงนั้นๆแล้ว ฉากยังเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เราๆได้รู้เห็นถึงความเป็นไปของสังคมอย่างมีชีวิต     ที่ใกล้ตัวที่สุดก็คือ ถ้าอยากรู้ว่ากกรุงเทพฯเมื่อสามสี่สิบปีก่อนเป็นอย่างไร ก็ให้ดูจากหนังในยุคนั้นสมัยนั้น     แต่ดูเหมือนว่าในยุคสมัยนี้ หนังจะก้าวหน้าไปกว่าการเป็นบันทึกทางประวัติศาสตร์แล้ว แต่มันกลับเป็นเหมือนการจำลองภาพของอนาคตเข้ามาให้เราได้เห็นได้เตรียมตัวที่จะเผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลงของสังคมได้อย่างค่อนข้างเป็นรูปธรรม     ก็ดูเถอะ อะไรที่เราเห็น อะไรที่เราใช้กันอยู่ในโลกปัจจุบัน สาระพัดความสะดวกสบายนั้น ทุกอย่างมันปรากฏขึ้นมาให้เราเห็นในหนังล่วงหน้ากันเป็นสิบปีมาแล้วทั้งสิ้น     แล้วสิ่งที่เราเห็นในหนังวันนี้ ก็ไม่แปลกถ้าอีกห้าปีสิบปีข้างหน้ามันจะกลายเป็นความจริงขึ้นมา ถึงจะไม่ทั้งหมดก็เถอะ ALITA BATTLE ANGEL  อาจจะเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ชี้ให้เราเห็นถึงปรากฏการณ์ที่ว่าได้ค่อนข้างชัด โดยเฉพาะสิ่งที่เรีบกว่า ไซบอร์ค คือการที่มนุษย์กับจักรกลจะรวมกันเป็นหนึ่งเดียว เหมือนกับตัวละครในหนังเรื่องนี้     รวมกันในที่นี้ก็คือเรื่องของการเปลี่ยนถ่ายอวัยวะ ซึ่งตอนนี้ก็มีกันแล้วในทางการแพทย์ ที่เห็นโฆษณาอย่างข้อเข่าเทียม ซึ่งถ้าไปศึกษาจริงๆมันน่าจะมีมากกว่านี้ แต่กับสิ่งที่เห็นในหนัง มันก้าวหน้าถึงขั้นชีวิตมีความเป็นมนุษย์เพียงแต่สมองเท่านั้น ส่วนอื่นๆล้วนเป็นเครื่องจักรกลทั้งสิ้น     อย่าง อลิตา นางเอกของเรื่อง ที่หมออีโดะเก็บซากของเธอมาจากกองขยะที่ทิ้งลงมาจากเมืองลอยฟ้า ซึ่งซากของเธอก็มีแค่ใบหน้ากับสมองและหัวใจ แต่เธอยังไม่ตาย คุณหมอก็เลยเอาส่วนบนของเธอเข้ามาต่อกับร่างกายไซเบอร์ที่หมอสร้างขึ้นมาสำหรับให้ลูกสาวของตัวเองใช้ แต่ลูกสาวของเธอเสียชีวิตไปก่อน เขาเลยเก็บไว้เป็นเครื่องย้ำเตือนถึงความรักความทรงจำที่มีต่อลูกสาว เมื่อเขานำมันเอามาให้อลิตาใช้ มันก็เหมือนกับว่าเขาได้ลูกสาวกลับคืนมาอีกครั้ง     ฉากนี้เองจึงเป็นจุดเริ่มที่ทำให้เราได้มองเห็นสังคมและผู้คนในหนังว่า แต่ละคนนั้นล้วนมีส่วนของเครื่องจักรกลในร่างกายเสมอ ไม่มากก็น้อย มันแทบไม่ต่างกันเลยกับสิ่งที่เราเรียกว่าการเปลี่ยนถ่ายอวัยวะ      แต่ถึงร่างกายภายนอกจะเปลี่ยนไปอย่างไร แต่สิ่งที่บ่งชี้ถึงความเป็นคนนั้นยังอยู่ นั่นก็คือจิตใจ     และจิตใจนี่แหละที่มันเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงนิยามแห่งความเป็นมนุษย์ เพราะไม่ว่าร่างกายเป็นเป็นเครืองจักรมากน้อยขนาดไหน แต่สำนึกต่างหากที่เป็นตัวควบคุมให้ทำหรือไม่ทำอะไร     เพียงแต่ ในจิตใจของอลิตา เมื่อเธอตื่นขึ้นมาในร่างใหม่ ความทรงจำของเธอทั้งหมดว่างเปล่า     แต่ในความร่างเลือนว่างเปล่านั้น สัญชาติญาณของเธอยังคงอยู่ และมันค่อยๆถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาอย่างช้าๆ     สัญชาติญาณของนักฆ่า กับหมายเลข 99 หนังดัดแปลงมาจากการ์ตูนของญี่ปุ่น มีการนำเอามาแปลเป็นไทยในชื่อ เพชรฆาตไซเบอร์ ซึ่งมีเนื้อหายิดยาวมาก ที่เอามาทำเป้นหนังให้ดูกันก็เป็นเพียงตอนแรก  ซึ่งเนื้อหาหลักก็คือการให้เราถึงตัวของอลิตา กับความทรงจำในฐานะของทหารหมายเลข 99 ที่ในความทรงจำอันเปราะบางไม่ค่อยเป็นรูปร่างนั้น เธอรู้ว่าเป้าหมายของเธอก็คือ การขึ้นไปบนเมืองลอยฟ้าเพื่อกำจัดผู้บงการ ซึ่งเมืองลอยฟ้านี้เป็นเหมือนยูโทเปียที่คนบนโลกปรารถนาจะขึ้นไปอยู่ และหนึ่งในหนทางี่จะได้ขึ้นไปก็คือ การเป็นผู้ชนะในเกมส์ มอเตอร์บอล ซึ่งอลิตาก็ลงแข่งด้วย     ถึงจะเป็นหนังไซไฟที่สร้างจากการ์ตูน และเทคนิคที่นำเอามาใช้ในหนังมันเนียนสมจริง     สมจริงจนเราเชื่อว่า หน้าตาของมนุษย์ในอนาคตนั้นคงไม่ต่างจากภาพที่เราเห็นในหนังสักเท่าไหร่     ALITA BATTLE ANGEL  เป็นหนังที่เราสามารถมองกันได้หลายมุม จะดูเพียงแค่เอาสนุกแบบหนังแฟนตาซีทั่วไปก็ตอบโจทย์ เพราะมีฉากต่อสู้สนุกๆให้ดูกันประมาณหนึ่ง หรือจะดูในแง่สังคมวิทยา ก็จะเห็นการเหลื่อมล้ำของชนชั้นได้อย่างชัดเจน หรือจะดูกันในแง่มนุษย์วิทยา ก็สะใจ เพราะที่สุดไม่ว่าโลกจะกส่าวไปทางไหน ไม่ว่าเทคโนโลยีจะพัฒนาไปอย่างไร มนุษย์ก็ยังคงเป็นมนุษย์ที่ไม่เคยละทิ้ง อำนาจ กิเลส ความทะยานอยาก  ในหนังที่ว่ากันว่าเป็นโลกใหม่หลังสงคราม 300 ปีนั้น มนุษย์มีชีวิตอยู่ด้วยก็ด้วยการพึงพาเทคโนโลยีมาปรับแต่งตัวเอง ที่สุดก็ยังมีขโมยที่ออกปล้นฆ่าเพื่อแย่งชิงอวัยวะเทียม ยังอยากรวย มีเงิน มีอำนาจ ทั้งสังคมใหม่ยังมีผู้ร้ายและนักล่าค่าหัว ซึ่งว่าไป ไม่ว่ามนุษย์จะพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีสักแค่ไหน แต่มนุษย์ก็ยังคงเป็นมนุษย์ เพราะความเป็นมนุษย์นั้นมันอยู่ที่สำนึกของจิตใจกับสิ่งที่เรียกว่า ความรัก     อลิตา คงไม่ใช่คำตอบที่สมบูรณ์แบบของความเป็นมนุษย์ในอนาคต แม้ว่าที่สุด สิ่งที่สะท้อนความเป็นมนุษย์ของเธอก็คือ น้ำตา      ขอเพียงหลั่งน้ำตาได้ โลกก็ไม่มีอะไรสาหัสเกินกว่าที่จะแบกรับ      ภาพจาก www.siamzone.com