เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 22 ก.พ. ที่ กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) นาย วุฒิชัย คำดี อายุ 44 ปี ชาว จ.ศรีสะเกษ พร้อมด้วยกลุ่มผู้เสียหายรวมประมาณ 20 ราย และทนายความ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.จตุพร งามสุวิชชากุล รอง ผกก. สอบสวน กก.2 บก.ป. เพื่อดำเนินคดีเอาผิดกับ น.ส.พลอย และ น.ส.ปุ๋ย นามสมมุติ ( น.ส.ชมพูนุช พงษ์ศรรพิพัฒน์ และ น.ส.ปวริศา นาครอด ) หลังถูก น.ส.พลอย และ น.ส.ปุ๋ย หลอกซื้อดาวน์รถยนต์ ก่อนเชิดรถหนีหายไป จนทำให้กลุ่มผู้เสียหายถูกไฟแนนซ์ติดตามทวงค่างวดผ่อนชำระที่ติดค้างไว้ จนได้รับความเสียหายต้องกลายเป็นหนี้สินจากการติดค้างค่างวดรถที่เหลือ โดยนำเอกสารและหลักฐานการทำสัญญาซื้อขายรถยนต์มามอบให้กับพนักงานสอบสวนเพื่อประกอบการพิจารณา นายวุฒิชัย กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อช่วงประมาณเดือน ตุลาคม 2561 ตนได้ประสบปัญหาทางการเงิน จึงตัดสินใจขายดาวน์รถกระบะฟอร์ด 4ประตู ผ่านเพจเฟสบุ๊คซื้อขายรถเพจหนึ่ง หลังไม่สามารถแบกรับภาระค่าใช้จ่ายจากการผ่อนรถได้ จนกระทั่งได้มี น.ส.พลอย และ น.ส.ปุ๋ย ติดต่อเข้ามาทำทีแสดงความต้องการซื้อรถยนต์คันดังกล่าว โดยอ้างว่าตัวเองทำงานงานอยู่ที่โรงพยาบาลสมิติเวช มี รายได้แน่นอน พร้อมกับแสดงหลักฐานเงินเดือนซึ่งมีเงินหมุนเวียนนับ ล้าน ๆ บาทต่อเดือน ตนจึงหลงเชื่อยอมขายดาวน์รถยนต์ให้ โดยตกลงราคาอยู่ที่ 8 หมื่นบาท ส่วนค่างวดที่เหลือทั้งคู่จะผ่อนชำระกับทางไฟแนนซ์เอง แล้วจะติดต่อกลับมาเพื่อทำเรื่องเปลี่ยนกรรมสิทธิ์ในการรับผิดชอบค่างวดรถกับทางไฟแนนซ์ในภายหลัง ทั้งนี้โดยในช่วงแรก ทั้งสองคนยังมีการผ่อนชำระตามปกติจริง แต่ต่อมาช่วงระยะหลังทั้งคู่กับเริ่มจ่ายเงินค่างวดรถล่าช้า ก่อนจะเริ่มค้างค่างวดกับทางไฟแนนซ์หลายงวด จนทำให้ทางไฟแนนซ์ติดต่อมายังตนเพื่อทวงถามถึงค่างวดรถที่ติดค้าง เนื่องจากตนยังคงเป็นผู้รับผิดชอบรถคันดังกล่าวอยู่ เพราะทั้งคู่หลังจากได้รถแล้วกลับไม่ยอมมาทำเรื่องเปลี่ยนสัญญา เมื่อติดต่อทวงถามไปยังทั้งสองคน กลับอ้างว่าตอนนี้เกิดติดปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน ตนจึงติดต่อไปอีกครั้งเพื่อจะขอรถยนต์คืน ก่อนจะตกลงส่งมอบรถคืนในวันที่ 10 ม.ค. ที่ผ่านมา แต่เมื่อถึงกำหนดทั้งคู่กลับไม่ยอมนำรถมาคืนให้กับตนตามนัด และไม่สามารถติดต่อได้ จึงได้ทำการตรวจสอบประวัติจนทราบว่านอกจากตนแล้วยังมีผู้ตกเป็นเหยื่อถูกหลอกในลักษณะเดียวกันอีกกว่า 20 คน รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 30 ล้านบาท จึงรวมตัวกันมายังกองบังคับการปราบปราม เพื่อร้องขอความเป็นธรรม เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบปากคำผู้เสียหาย เพื่อนำไปพิจารณาควบคู่กับพยานหลักฐานที่นำมามอบให้ ก่อนจะรวบรวมข้อมูลเสนอต่อผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งดำเนินการต่อไป