นาย อลัน จอยส์ ประธานกรรมการบริหาร แควนตัส กรุ๊ป กล่าวว่า แควนตัสกรุ๊ปปลื้มผลประกอบการครึ่งปีแรกสิ้นสุด 31 ธันวาคม 2561 ด้วยกำไรก่อนภาษี 17,940 ล้านบาท ประมาณ 780 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย และกำไรตามกฏหมายก่อนหักภาษี 16,905 ล้านบาท ประมาณ 735 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีงบประมาณที่ผ่านมา แม้ประสบราคาน้ำมันขึ้น 9,568 ล้านบาท หรือประมาณ 416 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย คิดเป็นประมาณ 27% ช่วงครึ่งปีแรก กลยุทธ์การดำเนินงานแบบสองแบรนด์ระหว่างสายการบินแควนตัสและสายการบินเจ๊ทสตาร์ในเส้นทางบินภายในประเทศต่างส่งเสริมซึ่งกันและกัน โดยราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ต้องปรับตัวในเรื่องค่าใช้จ่ายซึ่งเป็นเรื่องที่ง่ายกว่าเส้นทางต่างประเทศที่น้ำมันถือเป็นค่าใช้จ่ายหลัก รวมถึงยังมีปัจจัยอื่น ทั้ง ค่าคอมมิชชั่นที่เพิ่มขึ้น และผลกระทบจากการอ่อนค่าของเงินสกุลดอลลาร์ออสเตรเลีย และยังคงเดินหน้ากลยุทธ์ที่วางไว้ ด้วยการรับมอบเครื่องบินโบอิ้ง 787 ดรีมไลเนอร์ ปลดระวางเครื่องบินโบอิ้ง 747 เพิ่มความหลากหลายสำหรับการให้บริการมากขึ้น สำหรับ แควนตัสรอยัลตี้ ยังได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี นอกจากนั้นแควนตัสกรุ๊ปยังอัพเกรดห้องพักรับรองผู้โดยสารหลายแห่งเพื่อส่งเสริมการใช้บริการของผู้โดยสารระดับพรีเมี่ยม ส่วนการจองตั๋วโดยสารล่วงหน้ามียอดจองเป็นที่น่าพอใจ ขณะที่คู่แข่งมีอัตราการเติบโตในตลาดต่างประเทศค่อนข้างช้า และการเติบโตในตลาดในประเทศยังคงที่ ขณะเดียวกันราคาน้ำมันได้ลดลงจากระดับที่ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งปัจจัยดังกล่าวน่าจะช่วยส่งเสริมให้สายการบินมีความแข็งแกร่งขึ้นในครึ่งปีหลังนี้ และคาดว่าน่าจะสามารถฟื้นตัวจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นมาในช่วงปลายปี โดยผลการดำเนินงานแควนตัสกรุ๊ปเส้นทางบินภายในประเทศ มีผลกำไรบวก 1% คิดเป็น 15,157 ล้านบาท (659 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย) สูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่ผ่านมา ซึ่งมาจากรายได้ของทั้งสายการบินแควนตัสและสายการบินเจ๊ทสตาร์ ซึ่ง แควนตัสเส้นทางบินภายในประเทศมีรายได้ก่อนดอกเบี้ยและภาษี 10,419 ล้านบาท (453 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย) สูงกว่าผลการดำเนินงานช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่ผ่านมา 1% มีการเพิ่มที่นั่งโดยสารครึ่งปีหลังนี้เพื่อรองรับความต้องการของตลาดการจ้างงานในอุตสาหกรรมเหมืองแร่ในตอนกลางของภูมิภาคออสเตรเลียตะวันตก เนื่องจากรายได้จากภาคอุตสาหกรรมนี้เติบโตจากครึ่งปีแรก 644 ล้านบาท (28 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย) ทั้งนี้อัตราการบรรทุกผู้โดยสารเติบโตเฉลี่ยเกือบ 0.1% ไปอยู่ที่ 79.6% ขณะที่รายได้ต่อหน่วยโตขึ้น 7.5% ทั้งนี้ นาย อลัน กล่าวต่อว่า ผลประกอบการสายการบินเจ๊ทสตาร์เส้นทางบินภายในประเทศเป็นที่น่าพอใจด้วยอัตราบรรทุกผู้โดยสารเติบโตไปอยู่ที่ 87.8% หรือเพิ่มขึ้น 11% และยังคงมีอัตราเติบโตต่อเนื่อง โดยเกือบ 2 ใน 3 ของตั๋วโดยสารของเจ๊ทสตาร์เส้นทางบินในประเทศและเส้นทางบินต่างประเทศในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมามีราคาต่ำกว่า 2,300 บาท (100 ดอลลาร์ออสเตรเลีย) ขณะที่ผลการดำเนินงานแควนตัสกรุ๊ปเส้นทางบินต่างประเทศ เพิ่มขึ้นเกือบ 7% คิดเป็น 85,100 ล้านบาท (3,700 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย) แต่รายได้ก่อนดอกเบี้ยและภาษีลดลง 60% คิดเป็นลดลง 2,070 ล้านบาท (90 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย) ซึ่งมาจากค่าน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก (สูงมากถึง 5,037 ล้านบาท (219 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย) ในงบประมาณครึ่งปีแรก ซึ่งการเปิดตัวเครื่องบินโบอิ้งดรีมไลเนอร์ของสายการบินแควนตัสเส้นทางบินต่างประเทศ ส่งผลดีต่อการดำเนินงาน โดยภาพรวมอัตราการบรรทุกผู้โดยสารเพิ่มขึ้น0.1% ไปอยู่ที่ 85.5% รายได้ที่แข็งแกร่งของเจ๊ทสตาร์ในเส้นทางบินต่างประเทศช่วยลดค่าใช้จ่ายที่เกิดจากราคาน้ำมันสูงขึ้น อย่างไรก็ตามรายได้สายการบินเจ๊ทสตาร์ในภูมิภาคเอเชียลดลงจากน้ำมันมีราคาสูงขึ้น รวมถึงอัตราค่าบริการสนามบินที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ในครึ่งปีแรกเจ๊ทสตาร์แจแปนยังคงมีกำไร ส่วนแควนตัสรอยัลตี้ มีกำไรเพิ่มขึ้น 4% คิดเป็น 4,025 ล้านบาท (175 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย) และมีรายได้เติบโตร้อยละ 8.3 ซึ่งมาจากความแข็งแกร่งของโปรแกรมแควนตัสฟรีเคว่นฟลายเออร์ มีคู่ค้ารายใหม่ มีรายได้จากการร่วมทุนใหม่ๆ รวมถึงการให้บริการประกันสุขภาพและบริการทางการเงิน โดยเครื่องบิน สายการบินแควนตัสเส้นทางบินต่างประเทศรับมอบเครื่องบินโบอิ้ง 787-9 ดรีมไลเนอร์ 3 ลำ และมีกำหนดรับมอบอีก 6 ลำในช่วงปีแรกของปีงบประมาณปี 2563 ซึ่งจะทำให้แควนตัสเส้นทางบินต่างประเทศมีเครื่องบินโบอิ้ง 787-9 ดรีมไลเนอร์ ทั้งหมด 14 ลำ และภายในสิ้นปีงบประมาณ 2562 จะมีการปลดระวางเครื่องบินโบอิ้ง 747 อีก 3 ลำ และที่เหลือในอีก 2 ปีข้างหน้า นอกจากนั้นได้ยกเลิกเครื่องบินแอร์บัส A380 ที่เคยสั่งไว้เมื่อปี 2549 จำนวน 8 ลำ ซึ่งเครื่องบินจำนวนนี้ไม่ได้รวมอยู่ในแผนงานแต่ประการใด โดยแควนตัสได้เน้นอัพเกรดเครื่องบินแอร์บัส A380 ที่ประจำการอยู่แทน ส่วนโครงการซันไร้ซ์ในการให้บริการเที่ยวบินตรงจากชายฝั่งตะวันออกของออสเตรเลียไปนิวยอร์คและลอนดอนภายในปีพ.ศ.2565 ยังเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ อย่างไรก็ตามการดำเนินงานของแควนตัสกรุ๊ปในงบประมาณครึ่งปีแรกเป็นไปตามเป้า มีเงินสดหมุนเวียนในการดำเนินงานเกือบ 29,900 ล้านบาท (1,300 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย) ลดลง 11,040 ล้านบาท (40 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย) เนื่องจากต้องชำระค่าต่างๆ ที่ถึงกำหนด รวมถึงค่าน้ำมันสำรองล่วงหน้าสำหรับปีงบประมาณ 2563 ทั้งนี้แควนตัสกรุ๊ปยังคงดำเนินงานตามโครงการปรับเปลี่ยนการดำเนินงานที่สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายและสิทธิประโยชน์ต่างๆ ในงบประมาณครึ่งปีแรกได้เป็นเงิน 4,738 ล้านบาท (206 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย) นอกจากนี้มีเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้น 11,500 ล้านบาท (500 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย) ที่ประกาศเมื่อสิงหาคม 2561 คณะกรรมการบริหารแควนตัส กรุ๊ปได้มีมติจ่ายเงินปันผลเพิ่มให้ผู้ถือหุ้นอีก 11,500 ล้านบาท (500 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย) หรือ 2.76 บาท (12 เซ็น) ต่อหุ้น โดยกำหนดจ่ายในวันที่ 28 มีนาคม 2562 ตามการบันทึก ณ วันที่ 5 มีนาคม 2562 รวมถึงซื้อหุ้นคืน 7,015 ล้านบาท (305 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย) ซึ่งการซื้อหุ้นคืนกลับมาคาดว่าจะช่วยให้หุ้นที่เสนอขายตั้งแต่ปีพ.ศ.2558 ลดลงประมาณ 28% ส่วน โครงการลดขยะ ทาง แควนตัสกรุ๊ปซึ่งมีสายการบินให้บริการถึง 3 สาย ได้แก่ สายการบินแควนตัส สายการบินเจ๊ทสตาร์ และสายการบินแควนตัสลิ้งค์ที่บรรทุกผู้โดยสารมากถึง 50 ล้านคนต่อปี มีขยะจากการดำเนินงานกว่า 30,000 ตัน คิดเป็นน้ำหนักเท่ากับเครื่องบินโบอิ้ง 747 มากถึง 80 ลำ ได้ประกาศแผนงานเป็นสายการบินอันดับหนึ่งของโลกในการนำขยะกลับมาใช้ใหม่อย่างน้อย 1 ใน 3 ของขยะที่ต้องฝังกลบภายในสิ้นปีพ.ศ. 2564 รวมถึงจะงดใช้ถุงพลาสติกภายในห้องพักรับรองผู้โดยสารและภายในห้องโดยสารเครื่องบินที่มีปริมาณมากกว่า 100 ล้านใบต่อปีภายในปีพ.ศ.2563 สำหรับการลดปริมาณขยะในส่วนอื่นรวมถึงเปลี่ยนไปใช้แพคเกจจิ้งประเภทอื่น บริจาค หรือนำอาหารที่เหลือไปเป็นปุ๋ยหมัก และเพิ่มสัดส่วนของกระดาษที่นำมาใช้ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ รวมถึงบอร์ดดิ้งพาส โดยนาย อลัน กล่าวว่า ภาพรวมงบประมาณครึ่งปีหลัง ทางแควนตัสกรุ๊ปมีอัตราการเติบโตทั้งเส้นทางบินภายในประเทศและเส้นทางบินต่างประเทศคาดว่าจะคงที่ ซึ่งราคาน้ำมันปีงบประมาณ 2562 จะอยู่ที่ 89,700 ล้านบาท (3,900 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย) เพิ่มขึ้น21% เทียบกับปีงบประมาณ 2561 โดย 2 ใน 3 เพิ่มขึ้นในครึ่งปีแรก สำหรับปีงบประมาณ 2563 ได้มีการสำรองราคาน้ำมันล่วงหน้าไว้แล้ว 73 % ขณะที่ในปีงบประมาณ 2562 คาดว่าโครงการปรับเปลี่ยนการดำเนินงานจะเอื้อประโยชน์ได้ราว 9,200 ล้านบาท (400 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย) และน่าจะมีรายได้จากการขายสินทรัพย์ในปีงบประมาณ 2562 คิดเป็น 36,800 ล้านบาท (1,600 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย) โดย 23,000 ล้านบาท (1,000 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย) นำไปใช้ในงบประมาณครึ่งปีแรก และในปีงบประมาณ 2562 นี้ คาดว่าค่าเสื่อมราคาสุทธิ และการไม่ยกเลิกเครื่องบินเช่าซื้อเพื่อการดำเนินงานจะอยู่ที่ราว 2,760 ล้านบาท (120 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย) สูงกว่าปีงบประมาณ 2561