สมาคมผู้สื่อข่าวต้านคอร์รัปชั่นฯ จัดใหญ่ต้านโกงยุค 4.0 “วิชา” ปลุกสังคมตื่นรู้ล้างบางขี้ฉ้อ แนะดูนโยบายพรรคการเมือง ก่อนกาบัตร เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 21 ก.พ.62 อาคารพุทธวิชชาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฎพระนคร สมาคมผู้สื่อข่าวต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) โดยดร.เอกชัย เหลืองสอาด นายกสมาคมผู้สื่อข่าวต้านคอร์รัปชั่นฯ ได้จัดเสวนาวิชาการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ ในหัวข้อ มหันตภัย...คอร์รัปชั่นยุค 4.0 โดยมีพล.อ.จรัล กุลละวณิชย์ เป็นประธานเปิดงานเสวนา พร้อมวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ อาทิ ศาสตราจารย์พิเศษ วิชา มหาคุณ ประธานมูลนิธิต่อต้านการทุจริต นายอลงกรณ์ พลบุตร อดีตรองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ พล.อ.ดร.กิตติศักดิ์ รัฐประเสริฐ เลขาธิการสมาคมภาคีเครือข่ายธรรมาภิบาล เป็นต้น พล.อ.จรัล กล่าวเปิดการเสวนาว่า ต้องขอชื่นชมสมาคมผู้สื่อข่าวต้านคอร์รัปชั่นฯ และมหาวิทยาลัยราชภัฎพระนคร ที่เห็นถึงความสำคัญในการรณรงค์ต่อต้านการทุจริต ถือได้ว่าเป็นการสร้างความรู้ความเข้าใจแก่เยาวชน นิสิต นักศึกษา และประชาชน ให้ตระหนักถึงพิษภัยของการทุจริตที่สร้างความเสียหายให้กับสังคมและประเทศชาติ ซึ่งในรัฐธรรมนูญ มาตรา 50 ระบุไว้ว่า เป็นหน้าที่ของปวงชนชาวไทยต้องไม่ร่วมมือหรือสนับสนุนการทุจริตและประพฤติมิชอบทุกรูปแบบ การทุจริตจะลดน้อยลงได้ ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน โดยเริ่มจากตัวเรา ผู้ใหญ่จึงควรเป็นแบบอย่างที่ดี ปลุกจิตสำนึกการไม่ทุจริต สร้างค่านิยมการสุจริต ความซื่อสัตย์ และรู้จักหน้าที่ของตนเอง รวมถึงการมีส่วนร่วมของสังคม ก่อนที่จะไปสร้างเครือข่ายร่วมกันต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นต่อไป ศ.พิเศษ วิชา กล่าวปาฐกถาเรื่อง มหันตภัย..คอร์รัปชั่นยุคเปลี่ยนผ่าน มีความตอนหนึ่งว่า ประเทศไทยไม่เคยสอบผ่านในการจัดลำดับความโปร่งใส่ขององค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ โดยคะแนนปีที่ผ่านมาไทยเราแพ้อินโดนีเซีย เพราะอินโดฯมี 38 คะแนน ส่วนไทยได้ 36 คะแนนเท่ากับฟิลิปปินส์ และยังมีเวียดนามตามเรามาติดๆ ดังนั้นทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันแก้ไขการคอร์รัปชั่นอย่างจริงจัง และสิ่งที่น่าเป็นห่วงนั่นก็คือ ผู้ที่ครองอำนาจมักจะแสวงหาอำนาจ และทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง "ช่วงนี้จะมีการเปลี่ยนผ่าน โดยเฉพาะจะมีการเลือกตั้ง เราจึงต้องจับตาดูนโยบายของพรรคการเมืองต่างๆว่าสามารถป้องกันการทุจริตได้หรือไม่ และเล็งเห็นประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง ทำงานเพื่อประเทศชาติประชาชนหรือไม่ เพราะปัญหาทุจริตทั่วโลกเกิดขึ้นจากการเข้าสู่อำนาจของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พร้อมเรียกร้องให้สังคมร่วมต่อต้านการทุจริตด้วยการไม่นิ่งเฉย โดยเฉพาะนิสิตนักศึกษาคนรุนใหม่ที่จะขึ้นมาบริหารขับเคลื่อนบ้านเมืองในอนาคตต้องไม่อดทนต่อคนโกง และต้องร่วมกันต่อต้านทุกรูปแบบ” ศ.พิเศษ วิชา กล่าว นายอลงกรณ์ พลบุตร กล่าวว่า ตนได้ฉายามือปราบโกงรัฐสภา ล่าสุดเพิ่งจับอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ และเลขานุการรัฐมนตรีเข้าคุก ซึ่งมีการติดตามข้อมูลการทุจริตโครงการจัดซื้อปุ๋ยปลอมตั้งแต่ปี 2545 ใช้เวลาสู้คดีนานถึง 16 ปีและศาลเพิ่งตัดสินจำคุกอดีตรัฐมนตรีคนดังกล่าวในปี 2561 ที่ผ่านมา "ขณะนี้ประเทศกำลังจะได้ประชาธิปไตยกลับคืนมาจากการเลือกตั้ง สิ่งที่สำคัญเราต้องได้การเมืองสีขาว และจะสำเร็จได้อยู่ที่ประชาชน หากประชาชนเลือกคนดีมีความสามารถมาเป็นผู้แทน ได้สภาที่ดี ได้รัฐบาลที่ดี ดั่งพระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงมีพระบรมราโชวาทไว้ว่า เราไม่สามารถทำให้คนดีเหมือนกันหมด แต่เราต้องส่งเสริมคนดีให้ได้ปกครองบ้านเมือง และขจัดคนไม่ดีไม่ให้เข้าสู่อำนาจ” นายอลงกรณ์ กล่าว พล.อ.ดร.กิตติศักดิ์ กล่าวว่า หากรัฐบาลบริหารบ้านเมืองด้วยหลักธรรมาภิบาล 6 ประการ อันประกอบด้วย หลักนิติธรรม หลักคุณธรรม หลักความโปร่งใส หลักการมีส่วนร่วม หลักความรับผิดชอบ และหลักความคุ้มค่า เชื่อว่าการทุจริตจะไม่เกิดขึ้น นอกจากนี้ยังต้องเพิ่มหลักความเกรงใจ เห็นได้จากข้าราชการต้องติดคุกเพราะเกรงใจนักการเมือง ส่วนนักการเมืองโกงเสร็จแล้วหนีไปหมด ดังนั้นเราจึงควรเกรงใจในสิ่งที่ต้องเกรงใจ และไม่ควรเกรงใจนักการเมืองที่มีส่วนในการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างเด็ดขาด.