เรื่อง/ภาพ : ปิยพงศ์ โพชราช ศูนย์ข่าวนครพนม บรรยากาศสนามเลือกตั้งที่จังหวัดนครพนม คึกคักและน่าจับตาไม่แพ้สนามเลือกตั้งในจังหวัดอื่น เช่นกัน โดยเฉพาะในเขตเลือกตั้ง ที่ 1 ประกอบด้วย พื้นที่ 4 อำเภอ มี อ.นาหว้า อ.ศรีสงคราม อ.บ้านแพง และ อ.นาทม เริ่มเข้มข้น ต่อเนื่อง หลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง ( กกต.) มีการประกาศรับรองรายชื่อผู้สมัคร ส.ส. ที่มีคุณสมบัติตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยสนามเลือกตั้งเขตนี้ ต้องยอมรับ ว่า เป็นการขับเคี่ยว กัน เพียง 3 พรรคใหญ่ คือ พรรคเพื่อไทย พรรคพลังประชารัฐ และ พรรคภูมิใจไทย ซึ่งในการเลือกตั้งที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทย ได้มีการครองแชมป์ มาถึง 2 สมัย คือ ยุทธจักร เรืองวรบูรณ์ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย เขต 1 นครพนม และในครั้งนี้ได้ประกาศรักษาแชมป์ ลงสมัคร ส.ส.เขต 1 พรรคเพื่อไทย หมายเลข 19 เป็นการช่วงชิงคะแนนนิยม ในพื้นที่ 4 อำเภอ กับ ศุภชัย โพธิ์สุ หรือ “ครูแก้ว” อดีต ส.ส.นครพนม หลายสมัย และมีดีกรีเคยนั่งในตำแหน่ง อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หลังย้ายจากพรรคไทยรักไทย ไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย ในนาม “ส.ส.กลุ่มเพื่อน เนวิน” เมื่อปี 2552 ยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี แต่ศุภชัย กลับมาพ่ายการเลือกตั้ง ให้กับ พรรคเพื่อไทย เมื่อปี 2554 ถึง 2 สมัย ในการเลือกตั้ง ที่ผ่านมา และในครั้งนี้ ศุภชัย ได้เปิดตัว ลงสมัคร ในนามพรรคภูมิใจไทย เขต 1 นครพนม หมายเลข 12 หวังที่จะทวงแชมป์คืน ที่สำคัญในการเลือกตั้ง ครั้งนี้ ยังเป็นที่น่าจับตามอง เนื่องจาก ไม่ได้เป็นการสู้ศึกกันเพียงแค่ 2 พรรคใหญ่ เหมือนครั้งที่ผ่านมา คือ พรรคเพื่อไทย กับภูมิใจไทยเท่านั้น แต่ยัง มีพรรคการเมืองน้องใหม่ คือ พลังประชารัฐ ที่ส่ง ว่าที่ผู้สมัคร มาลงช่วงชิงคะแนน โดยได้ดูดเอา ธงทิพย์ชลิต แห่สถิตย์ อดีต ส.อบจ.นครพนม มาสังกัดพรรค เปิดตัวสมัคร ส.ส.ในนาม พรรคพลังประชารัฐ เขต 1 หมายเลข 2 ซึ่งถือเป็นนักการเมืองคนสนิทของศุภชัย มาก่อน เพื่อหวังตัดฐานคะแนนในพื้นที่ให้มากที่สุด ทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้กลายเป็นศึก 3 เส้า ที่จะเป็นการวัดกระแสความนิยม ของอดีต นักการเมือง ทั้ง 3 พรรค ว่าใครจะสามารถครองใจชาวบ้านในพื้นที่ได้ อย่างเหนียวแน่น ทางด้านยุทธจักร อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย เขต 1 นครพนม ในฐานะแชมป์เก่า ในครั้งนี้ได้ประกาศรักษาแชมป์ ลงสมัคร ส.ส.เขต 1 พรรคเพื่อไทย หมายเลข 19 ยังคงเดินหน้า นำทีมงานจัดขบวนแห่รถหาเสียงเลือกตั้ง ลงพื้นที่พบปะชาวบ้าน ในพื้นที่ 4 อำเภอต่อเนื่อง เพี่อลงพื้นที่ทุกชุมชนหมู่บ้าน ไปเสนอนโยบาย เน้นการแก้ไขปัญหาความยากจน โดยได้ประกาศจุดยืน เชื่อมั่นว่า ประชาชนในพื้นที่ ยังเชื่อมั่นในการทำงานของอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย รวมถึงนโยบายพรรค เนื่องจากส่วนใหญ่ ต้องการให้พรรคการเมือง แก้ไขเรื่องความยากจน อาชีพ รวมถึงผลผลิตการเกษตรตกต่ำ และไม่ได้รับการดูแลจากภาครัฐทั่วถึง ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้เชื่อมั่นว่า ประชาชน ยังต้องการความเป็นประชาธิปไตย มากกว่าเผด็จการ และจะสามารถป้องกันแชมป์ได้อย่างแน่นอน ด้วยภาพรวมความเชื่อมั่นของการผลักดันนโยบายที่ผ่านมา จับต้องได้ ที่สำคัญเชื่อว่า พรรคเพื่อไทย จะสามารถกวาดที่นั่ง ส.ส.ได้ ทั้ง 4 เขต เพราะจากอดีตที่ผ่านมา ภาพรวมทั้งคะแนนนิยม รวมถึงฐานเสียง เหนียวแน่น เคยชนะเลือกตั้งขาดลอยมาตลอด