“อาร์เซนอล” ทีมใหญ่เบอร์ต้นๆ ของอังกฤษ ที่ไม่พบกับความสำเร็จในเวที พรีเมียร์ลีก มานานเป็น 10 กว่าปี โดยเป็นได้เพียงแค่ “ไม้ประดับ” ของกลุ่มลุ้นแชมป์เท่านั้น ปีนี้ก็เช่นกัน พวกเขามีฟอร์มที่ยอดเยี่ยม หลังจากออกสตาร์ท 2 เกมแรก ด้วยการเก็บได้เพียง 1 คะแนน จากการแพ้ ลิเวอร์พูล 3-4 และเสมอ เลสเตอร์ ซิตี 0-0 หลังจากนั้น “เวนเกอร์” พาทีมกลับสู่เว่นทาง ด้วยการไม่แพ้ใครตลอด 14 เกมในลีก พร้อมกับขึ้นมาเป็นกลุ่มนำในตำแหน่งรองจ่าฝูงอย่างเหนียวแน่น ทว่าเกมล่าสุด ของพวกเขาเมื่อกลางสัปดาห์ก่อน บุกแพ้ เอฟเวอร์ตัน 1-2 แบบพลิกความคาดหมาย ทำให้ตกลงมาอยู่ที่ 3 ของตาราง พร้อมกับโดน “เชลซี” จ่าฝูงทิ้งห่างถึง 6 คะแนน ปัญหาของอาร์เซนอล ช่วง 5-6 ปีหลังคือ มาแรงในช่วงแรก ก่อนจะลดระดับลง กลายเป็นทีมที่ต้องลุ้นจบอันดับ 4 เพื่อคว้าโควต้าไปเล่น ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก แน่นอนหากมองในแง่ธุรกิจ พวกเขาทำได้ดีมาตลอด แต่กลับกันในเรื่องของเกมกีฬา พวกเขายังไม่ดีพอสำหรับการเป็นที่หนึ่งของ เกาะอังกฤษ ปัจจัยหลักๆ ที่ทำให้ “ปืนใหญ่” เป็นเพียงม้านอกสายตาของแฟนบอลคือ ความไม่สม่ำเสมอ และความขี้งกของกุนซือ หรือทีม ที่ไม่กล้าโยนเม็ดเงินที่ตัวเองมี ใช้ในการรั้งซูเปอร์สตาร์ของทีม ซึ่งเป็นจุดแข็งเหมือนกับปี 2003-2004 ปัจจุบัน สัญญานักเตะหลักๆ ของ “กันเนอร์ส” ก็เหลือกันคนละ 1-2 ปีเท่านั้น โดยที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะต่อ หรือปล่อยลอยแพออกจากทีม โดยเฉพาะในรายของ อเล็กซิส ซานเชซ กับ เมซุต โอซิล 2 นักเตะซูเปอร์สตาร์ ที่เป็นตัวหลักของทีม ออกมาเรียกร้องค่าเหนื่อยเพิ่มขึ้น หากต้องการให้พวกเขาอยู่ค้าแข้งกับทีมต่อในสัญญาฉบับใหม่ แต่ความฝันของแฟนบอลที่จะได้เห็นข่าวสองนักเตะเกรดเอคุณภาพคับแก้ว จรดน้ำหมึกต่อสัญญา คงยาก เพราะสโมสรไม่สู้ค่าเหนื่อยที่นักเตะเรียก มันอาจส่งผลให้ นักเตะหลักๆ ของทีมตัดสินใจเก็บข้าวของออกจากสโมสรไปด้วย ไม่ใช่แค่ 2 คนที่กล่าวถึง เพราะชัดเจนว่า โอกาสที่ทีมจะประสบความสำเร็จแทบไม่มี กลายเป็นลงแข่งให้ได้ลุ้น แต่ไม่ได้แชมป์สักที นี่คือปัญหาที่ “อาร์เซนอล” ต้องเร่งแก้ไข ไม่เช่นนั้นทีมจะไร้ซึ่งความสำเร็จ และซูเปอร์สตาร์