เป็นอีกปัญหาประจำบ้าน ของเด็กๆ กระทั่งโตแล้วหลายคนก็ยังไม่หาย จนเป็นปัญหากลุ้มอกกลุ้มใจ กับการฉิ้งฉ้องรดที่นอน ด้วยรู้สึกเหมือนได้เข้าไปอยู่ในห้องน้ำแล้ว เลยปล่อยเต็มเหยียด เท่านั้นแหละ วาบเลย...
นพ.ภาสกร ชัยวานิชศิริ รองอธิบดีกรมการแพทย์กล่าวว่า ปัสสาวะรดที่นอนเป็นภาวะที่พบบ่อยในเด็กซึ่งจะถือว่าเป็นความผิดปกติต่อเมื่อเกิดขึ้นในเด็กที่ควรจะควบคุมการขับถ่ายปัสสาวะได้แล้วแต่เด็กยังควบคุมไม่ได้ คือเป็นในเด็กที่มีอายุอย่างน้อย 5 ปีขึ้นไป โดยเกิดขึ้นอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ติดต่อกัน 3 เดือน และไม่ได้เป็นผลมาจากการใช้ยา เช่น ยาขับปัสสาวะ หรือโรคทางกาย เช่น เบาหวาน เป็นต้น
ทั้งนี้ ยังไม่พบสาเหตุเฉพาะของการเกิดปัสสาวะรดที่นอน แม้ภาวะนี้ส่วนมากจะหายได้เองเมื่อเด็กโตขึ้น แต่ปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบต่อเด็กและครอบครัว ทั้งในด้านจิตใจและความสัมพันธ์ระหว่างเด็กและผู้ปกครอง
นอกจากนี้ ยังอาจทำให้เกิดโรคที่มาจากอาการปัสสาวะรดได้ เช่น ติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ ความผิดปกติของโครงสร้างของระบบการขับถ่ายปัสสาวะ โรคของต่อมไร้ท่อ เช่น เบาหวาน เบาจืด เป็นต้น ฉะนั้นเด็กที่มีปัญหาเหล่านี้จึงจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือ
นพ.สมเกียรติ ลลิตวงศา ผอ.สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ กล่าวว่า การปัสสาวะรดที่นอนเป็นภาวะที่พบบ่อยในเด็ก แต่น่าจะเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน ได้แก่ พันธุกรรม ความผิดปกติในการหลั่งฮอร์โมน ADH ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมปริมาณปัสสาวะการทำงานของกระเพาะปัสสาวะ
โดยเด็กจะรู้สึกปวดปัสสาวะถึงแม้มีปริมาณปัสสาวะไม่มาก การนอนหลับซึ่งเกิดขึ้นได้ในทุกระยะของวงจรการนอนหลับ ความล่าช้าของพัฒนาการในการควบคุมการปัสสาวะ ท้องผูกเกิดจากก้อนอุจจาระกดทับกระเพาะปัสสาวะทำให้ความจุของกระเพาะปัสสาวะลดลง นอกจากนี้ ความเครียดอาจเป็นตัวกระตุ้นทำให้อาการปัสสาวะรดเป็นมากขึ้นหรือทำให้อาการกลับมาเป็นใหม่ในเด็กที่เคยควบคุมการปัสสาวะได้แล้ว
สำหรับเคล็ดลับช่วยลูกไม่ให้ฉี่รดที่นอน ก่อนอื่นผู้ปกครองควรมองว่าปัญหาดังกล่าว เป็นเรื่องพัฒนาการในการควบคุมการขับถ่าย โดยจะค่อยๆ ดีขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น จึงไม่ควรลงโทษหรือตำหนิ แต่ควรแสดงความเข้าใจ และเป็นกำลังใจ
รวมถึงการปรับพฤติกรรมโดยใช้แรงจูงใจทางบวก คือ มีการทำข้อตกลงเกี่ยวกับสิ่งที่เด็กจะได้รับเมื่อไม่ปัสสาวะรดที่นอน รวมทั้งสิ่งที่เด็กจะต้องปฏิบัติถ้าปัสสาวะรดที่นอน โดยให้สอดคล้องกับความสามารถของเด็ก หรือจะเลือกใช้เครื่องปลุกเตือนปัสสาวะรด เป็นวิธีที่ได้ผลที่สุดในปัจจุบัน แต่ในประเทศไทยเครื่องมือดังกล่าวยังใช้ไม่แพร่หลาย อีกทั้งมีราคาค่อนข้างสูง
วิธีที่ทำง่ายๆ คือ ฝึกกระเพาะปัสสาวะ ให้เด็กดื่มน้ำมากๆ ในช่วงกลางวันและเมื่อรู้สึกปวดปัสสาวะให้เด็กฝึกกลั้นไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ร่วมกับปรับอาหารและเครื่องดื่ม โดยปรับให้เด็กดื่มน้ำมากขึ้นในช่วงเช้าถึงบ่ายและลดดื่มน้ำในช่วงเย็นโดยเฉพาะช่วง 2 ชม.ก่อนเข้านอนควรจำกัดปริมาณน้ำ