“เกาะติดสนามเลือกตั้ง2562” เรื่อง / ภาพ : สิทธิพจน์ เกบุ้ย ศูนย์ข่าวภูมิภาคพิจิตร เจาะสนามการเลือกตั้งเมืองชาละวันที่จะมีขึ้นในวันที่ 24 มีนาคม 2562 จังหวัดพิจิตรแบ่งเขตพื้นที่ออกเป็น 3 เขต สนามการแข่งขันที่ถือได้ว่า เป็นพื้นที่กระสุนตกคงต้องยกให้เขต 3 ซึ่งประกอบไปด้วย อ.บางมูลนาก อ.โพทะเล อ.บึงนาราง อ.โพธิ์ประทับช้าง ที่มีผู้สมัครมากถึง 29 คน และที่น่าจับตามากที่สุด คงไม่พ้นผู้สมัครจาก “พรรคพลังประชารัฐ” วันนี้สุดป๊อปปูล่าเดินหาเสียงชูนโยบายสารพัดโปรโมชั่นหวังได้ใจชาวบ้าน สำหรับความเคลื่อนไหวและบรรยากาศการหาเสียง โดยได้ลงพื้นที่เกาะติด “สุรชาติ ศรีบุศกร” หรือ “สจ.ไก่” ผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ เขต 3 ซึ่งลงพื้นที่หาเสียงในเขต ต.ทะนง อ.โพทะเล จ.พิจิตร โดยลงไปพบปะกับชาวบ้านเพื่อแนะนำตัวและแถลงถึงนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ ที่ชูนโยบายบัตรประชารัฐเพิ่มคนเพิ่มสิทธิ์ เพิ่มโอกาส ที่จะมอบให้กับผู้มีรายได้น้อยที่ควรได้รับ อีกทั้งชูนโยบายการให้สิทธิ์ในการออกเอกสารสิทธิ์จาก ส.ป.ก.4-01 เป็น นโยบาย ส.ป.ก. 4.0 ที่สามารถโอนสิทธิ์และนำไปเพิ่มศักยภาพในการค้ำประกันเงินกู้ได้ทุกธนาคาร รวมถึง การช่วยเหลือเกษตรกรชูสโลแกนว่า ข้าวได้ราคา ชาวนาได้เงินเพิ่ม ซึ่งเป็นแนวทางในการจ่ายเงินอุดหนุนค่าปลุก ค่าเก็บเกี่ยว ไร่ละ 2,000 บาท จาก 15 ไร่ เพิ่มเป็น 20 ไร่ รวมถึงราคาข้าวเจ้าราคาเกิน 10,000 บาท ต่อตัน ข้าวหอมมะลิราคาเกิน 15,000 บาท ต่อตัน อีกทั้งจะช่วยพักหนี้และช่วยจ่ายดอกเบี้ยกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง 3 ปี ทั้งนี้เพื่อพักหนี้ฟื้นฟูเติมทุนให้โอกาสชาวบ้านให้ได้มีเงินหมุนเวียน นอกจากนี้ผู้สมัคร ส.ส.พิจิตร เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ ยังได้ชี้แจงถึงนโยบายกองทุนมารดาประชารัฐ ที่จะให้เงินสนับสนุนสตรีที่ตั้งครรภ์ รวมถึงค่าคลอดบุตรและดูแลเด็กที่เกิดมาจนถึงอายุ 6 ขวบ รวมจะได้เงินจากภาครัฐคนละ 180,000 บาท ทั้งนี้เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ทารกที่อยู่ในครรภ์ได้รับการดูแลไปจนถึงก่อนเข้าเรียนชั้นประถมศึกษา อีกด้วย จากการเกาะติดการหาเสียงของผู้สมัคร ส.ส.พิจิตร เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ ในครั้งนี้ สังเกตเห็นได้ว่า ประชาชนส่วนใหญ่ชื่นชอบกับนโยบายและโปรโมชั่นที่ผู้สมัครนำมาเสนอ รวมถึงโครงการที่เป็นความต้องการของคนในพื้นที่เรื่องแหล่งน้ำที่ผู้สมัครรายนี้ชูนโยบายจะเชื่อมโยงโครงข่ายน้ำจากจังหวัดกำแพงเพชรเข้าสู่พื้นที่จังหวัดพิจิตร โดยมั่นใจว่าทำได้จริงไม่ได้ขายฝัน เพราะเชื่อมั่นว่าการเลือกตั้งในครั้งนี้พรรคพลังประชารัฐจะได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลอย่างแน่นอน เช่นเดียวกันผู้สมัครจากพรรคอื่นๆ ก็เดินหาเสียงและจัดเวทีย่อยในการพบปะพูดคุยแนะนำตัวกับชาวบ้านอย่างคึกคัก ซึ่งผู้สื่อข่าวจะได้เกาะติดบรรยากาศการหาเสียงของพรรคการเมืองต่างๆมารายงานให้ทราบต่อไป ซึ่งพื้นที่พิจิตรเขต 3 มีผู้สมัครจาก 3 – 4 พรรคการเมือง ที่แข่งขันกันอย่างดุเดือด ถ้าจัดลำดับความฮอตของกระแสนิยมในขณะนี้ก็จะพบว่าพรรคพลังประชารัฐ โดยเฉพาะในพื้นที่พิจิตรเขต 3 ดูจะมาแรง น่าจะเป็นความหวังให้กับพรรคได้แจ้งเกิดในสนามได้ไม่ยาก แต่งานนี้ต้องรอดูช่วงโค้งสุดท้ายว่า “คู่แข่ง” จะมีไม้ตาย มาแก้เกม ชิงคะแนนได้หรือไม่ !