สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ จับมือ ธนาคารออมสิน ร่วมพัฒนาสมรรถนะการประกอบอาชีพ ผ่านการรับรองสู่มาตรฐาน หวังยกระดับคุณภาพชีวิตผู้มีรายได้น้อย เมื่อวันที่ 15 ก.พ.62 นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน พร้อมด้วยนายพิสิฐ รังสฤษฎ์วุฒิกุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) หรือ สคช. ร่วมลงนามในบันทึกความร่วมมือโครงการขับเคลื่อนการพัฒนากำลังคนและส่งเสริมการพัฒนาสมรรถนะการประกอบอาชีพ เพื่อร่วมกันพัฒนาสมรรถนะกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ลงทะเบียนฝึกอบรมเพื่อพัฒนาศักยภาพด้านอาชีพ ตามมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ณ หอประชุมเพชรรัตน ธนาคารออมสิน สำนักงานใหญ่ นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้ธนาคารออมสินดำเนินมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ได้รับการฝึกอบรมอาชีพ เพื่อเพิ่มทักษะ เพิ่มรายได้ อีกทั้งยังสามารถเข้าถึงแหล่งทุนในระบบ ธนาคารฯ จึงได้จัดโครงการฝึกอบรมอาชีพร่วมกับหน่วยงานต่างๆ หลายโครงการ อาทิ ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาในโครงการศูนย์รวมช่างประชารัฐ, ร่วมกับสถาบันอุดมศึกษา 53 แห่งทั่วประเทศผ่านโครงการมหาวิทยาลัยประชาชน ล่าสุด ธนาคารออมสิน ได้ร่วมกับ สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) หรือ สคช. เป็นองค์กรด้านการประเมินสมรรถนะของบุคคลตามมาตรฐานอาชีพ โดยได้มีการรับรองความรู้ความเชี่ยวชาญของผู้ที่มีอาชีพต่างๆ มาร่วมสนับสนุนให้ผู้มีรายได้น้อยและลูกค้าของธนาคาร ได้รับใบรับรองยกระดับมาตรฐานอาชีพ สร้างความมั่นใจให้กับทั้งลูกค้าและผู้อุปโภค/บริโภคประกอบกับลูกค้าจะทราบว่าตัวเองมีทักษะระดับใด ถือเป็นการสร้างความยั่งยืนในการประกอบอาชีพอีกด้วย “สคช.จะเข้ามาประเมินสมรรถนะบุคคลในแต่ละสาขาอาชีพให้เป็นมาตรฐาน เป็นการยกระดับอาชีพให้เป็นที่ยอมรับขององค์กรที่จะรับทำงานและบุคคลในกลุ่มวิชาชีพนั้นๆ เช่น ช่างปูน ถ้ามีทักษะอยู่ในระดับ 1 มีรายได้หรือค่าจ้างอยู่ที่ 150-200บาท/ตารางเมตร แต่ถ้ามีฝีมืออยู่ในเกณฑ์ระดับ 2-3 เมื่อนำใบรับรองที่ได้รับนี้ไปสมัครงาน ก็จะได้รับการพิจารณาเพิ่มค่าแรงตามเกณฑ์ที่กำหนด เป็นต้น”ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าว นายชาติชาย กล่าวว่า ทั้งนี้ ความร่วมมือดังกล่าว ยังเป็นการสนับสนุนการยกระดับกลุ่มผู้มีรายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจนตามเกณฑ์ของกระทรวงการคลัง หรือ มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาท/ปี ให้มีรายได้มากกว่า 30,000 บาท ในขณะที่ผู้มีรายได้เกิน 30,000 บาทแต่ไม่เกิน 100,000 บาท ธนาคารฯ จะพัฒนาให้มีรายได้เพิ่มขึ้นจนหลุดพ้นจากการเป็นผู้มีรายได้น้อยตามเกณฑ์ของกระทรวงการคลัง หรือมีรายได้เกิน 100,000 บาท อย่างไรก็ตาม ในส่วนของลูกค้าของธนาคารฯ ที่เป็นพ่อค้าแม่ค้า หรือ ผู้ขับขี่รถรับจ้าง ธนาคารฯ ได้ใช้การให้สินเชื่อเป็นกลไกในการพัฒนา ผ่านการอบรมต่างๆ หรือข้อมูลเกี่ยวกับอาชีพที่ธนาคารออมสินสื่อไปถึง ทำให้ลูกค้าเริ่มจากวงเงินสินเชื่อไม่มาก จากแผงค้าจนกระทั่งสร้างธุรกิจเป็นของตัวเองโดยใช้สินเชื่อห้องแถว และเมื่อขยายกิจการได้โดยมีธนาคารออมสินสนับสนุนไปด้วย ก็จะเป็นธุรกิจ SMEs ต่อไป ด้าน นายพิสิฐ รังสฤษฎ์วุฒิกุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์กรมหาชน) กล่าวว่า แนวทางความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นการบูรณาการความร่วมมือเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการ หรือผู้ประกอบอาชีพ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ประกอบการหรือผู้ประกอบอาชีพที่เป็นลูกค้าของธนาคารออมสิน และผู้ลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการขับเคลื่อนพัฒนากำลังคนและส่งเสริมการพัฒนาสมรรถนะการประกอบอาชีพ ได้รับการยกระดับวิชาชีพให้มีความน่าเชื่อถือในอาชีพมากยิ่งขึ้น เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ได้รับความรู้ทางด้านการเงิน และเข้าถึงบริการทางการเงิน ตลอดจนความร่วมมือประชาสัมพันธ์การดำเนินกิจกรรมต่างๆ ในเชิงบูรณาการ ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการ หรือผู้ประกอบอาชีพต่างๆ ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ กล่าวว่า สำหรับผู้ที่ผ่านการสอบประเมินคุณวุฒิวิชาชีพและได้รับใบรับรองจาก สคช. จะได้รับสิทธิพิเศษในการพิจารณาสินเชื่อจากธนาคาร ซึ่งจะเป็นการเพิ่มคุณค่าในใบประกาศนียบัตรคุณวุฒิวิชาชีพสำหรับผู้ผ่านการประเมินสมรรถนะ เป็นคะแนน Score Point ในการขออนุมัติสินเชื่อโดยในปี 62 ทั้งสององค์กรจะมีกิจกรรมบูรณาการร่วมกันเน้นกลุ่มเป้าหมายในกลุ่มอาชีพดังนี้ Street Foodเสริมสวย และผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ทั้งในส่วนกลุ่มลูกค้าธนาคารออมสิน ให้เข้าสู่การประเมินฯ ส่วนกลุ่มผู้ได้รับใบคุณวุฒิฯ สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินและคาดมีผู้เข้ารับการประเมินสมรรถนะกว่า 100,000 ราย “ความร่วมมือในโครงการขับเคลื่อนการพัฒนากำลังคนและส่งเสริมการพัฒนาสมรรถนะการประกอบอาชีพนี้ นับว่าเป็นการต่อยอดการเข้าถึงแหล่งทุน หรือสินเชื่อในการประกอบอาชีพ เป็นการเสริมสร้างความสามารถในการประกอบอาชีพของคนไทย โดยทั้งลูกค้าของธนาคาร หรือผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ลงทะเบียนเข้าอบรมก็สามารถเข้าสู่การประเมินสมรรถนะ เพื่อให้มีมาตรฐานและพัฒนาในอาชีพได้ อาทิ ช่างก่อสร้าง แท็กซี่ ช่างยนต์ และอีกหลายสาขาวิชาชีพที่สถาบันฯ ได้ดำเนินการจัดทำเพื่อตอบโจทย์รัฐบาลตามนโยบายในการให้ความสำคัญต่อการพัฒนาศักยภาพกำลังคนของประเทศในทุกๆ สาขาวิชาชีพ และตอบโจทย์การพัฒนาประเทศตามยุทธศาสตร์ 20 ปี และตามนโยบายประเทศไทย 4.0 รวมถึงการลดความเหลื่อมล้ำในการประกอบอาชีพ โดยมีแผนนำร่องการประเมินในกลุ่มอาชีพเป้าหมายไปทั่วประเทศอีกด้วย”นายพิสิฐ กล่าว