มติจากที่ประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ให้รับคำร้องจากกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยเพื่อมีคำสั่งยุบพรรคไทยรักษาชาติ ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ. ศ. 2560 มาตรา 92 กลายเป็นแรงกระเพื่อมที่ผุดขึ้นมาบนกระดานการเมือง ก่อนวันเลือกตั้ง 24 มี.ค.นี้โดยไม่อาจหลีกเลี่ยง ! แม้ก่อนหน้านี้สมาชิกและผู้สมัครของพรรคไทยรักษาชาติ ทั้งในกรุงเทพฯและจังหวัดต่างๆ จะยังมีความหวังอยู่บ้าง ว่ามติจากศาลรัฐธรรมนูญ จะออกมาในทางที่เป็นบวกกับพรรคก็ตาม แต่ลึกๆแล้วพวกเขาต่างก็เตรียมทำใจกันเอาไว้บ้างแล้ว เพราะไม่เช่นนั้น คงไม่มีการส่งสัญญาณไปยังผู้สมัครในจังหวัดต่างๆ ให้ยุติการทำกิจกรรมหาเสียงเอาไว้ก่อนหน้าที่กกต.จะมีมติชี้ว่าพรรคไทยรักษาชาติเข้าข่ายกระทำความผิดตามกฎหมาย “ผู้สมัครของพรรคไทยรักษาชาติ ในหลายจังหวัด เตรียมพร้อมกันไว้อยู่แล้ว ว่าผลที่ออกมาน่าจะสร้างควาหนักใจให้ไม่น้อย ดังนั้น ผู้สมัครของพรรคต่างพากันสั่งยกเลิกรถแห่ รถหาเสียง หรือแม้แต่งดโปรแกรมปราศรัย กันเอาไว้แล้ว เพื่อรอความชัดเจนจากศาลรัฐธรรมนูญ ว่าจะมีคำวินิจฉัยออกมาอย่างไร” แกนนำพรรคไทยรักษาชาติ ระบุ ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ มีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ. ศ. 2561 มาตรา 7 (13) ประกอบพ.ร.ป. ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 92 แจ้งให้ผู้ร้องทราบ และส่งสำเนาคำร้องให้ผู้ถูกร้องยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ได้รับสำเนาคำร้อง โดยศาลนัดพิจารณาครั้งต่อไปในวันพุธที่ 27 ก.พ. เวลา 13:30 น.นี้ ก่อนหน้านี้ศาลรัฐธรรมนูญจะมีมติออกมาในช่วงบ่าย ปรากฎว่า แกนนำของพรรคไทยรักษาชาติ ที่นำโดย “จาตุรนต์ ฉายแสง” นำคณะแถลงข่าวของดทำกิจกรรมทางการเมืองเอาไว้ก่อน เพื่อเตรียมตัวในการต่อสู้ทางคดีกันต่อไป ได้นำมาซึ่งกระแสข่าวที่ผุดขึ้นมาระลอกใหม่ ว่า จากนี้ไปขอให้รอดูว่าจะมีสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ พากัน “หนีตาย” ออกจากพรรคหรือไม่ จนจาตุรนต์ ต้องออกมาประกาศจุดยืนว่า ไม่ว่าใครจะหนีออกจากพรรค แต่เขาคนหนึ่งจะอยู่กับพรรคเป็นคนสุดท้าย ซึ่งความจริงแล้ว สิ่งที่จาตุรนต์ทำมาโดยตลอด นับตั้งแต่เมื่อครั้งพรรคไทยรักไทย เคยอยู่ในสถานการณ์ที่ตกต่ำ ก็เป็นจาตุรนต์ คนนี้ที่ไม่เคยทิ้งพรรค แต่อย่าลืมว่า จาตุรนต์ ก็ยังไม่ใช่คนที่ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯและเจ้าของพรรค เลือกหรือปูนบำเหน็จรางวัลใหญ่ แต่อย่างใด กระแสที่กำลังโหมเข้าใส่ พรรคไทยรักษาชาติ เวลานี้แน่นอนว่าย่อมมีแต่ข่าวร้ายไม่มีข่าวดีปรากฎ เพราะแม้ “มือกฎหมาย” ของพรรค จะเตรียมการต่อสู้ตามกระบวนการทางกฎหมาย เพื่อหาทางออกให้กับไทยรักษาชาติ แต่ดูเหมือนว่า นาทีนี้ พรรคไทยรักษาชาติ จำเป็น และจำใจต้อง “พักเบรค” กันแทบไม่มีกำหนด ผู้สมัคร และแกนนำที่เคยโลดแล่น ในสนาม ด้วยใจฮึกเหิม กลับกลายเป็นฝ่ายที่จะต้องนั่งมองคู่แข่ง ไปจนถึง พรรคการเมืองในขั้วเดียวกัน ทั้ง “เพื่อไทย” และ “เพื่อชาติ” ไปจนถึง “ประชาชาติ” เดินสายหาเสียง ไปก็ต้องระแวดระวังกันไป อยู่ในสภาพละล้า ละลัง รบได้ไม่เต็มพิกัด !