นายอุดมการ อุดมทรัพย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.หลักทรัพย์ กรุงศรี เปิดเผยว่า กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในปี 2562 จะเดินหน้าพัฒนาดิจิทัล แพลตฟอร์ม มุ่งพัฒนา Ecosystem ของระบบการซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านระบบ Application Programming Interface (API) เพื่อรวมระบบการซื้อขายทุกๆ ผลิตภัณฑ์การลงทุนเข้ามาอยู่บนแพลตฟอร์มเดียว มีการปรับโครงสร้างทีมอีบิสซิเนสและนำกระบวนการทำงานในรูปแบบ Agile เข้ามาใช้เพื่อสร้างผลลัพธ์ในเวลาอันสั้น รวมทั้งการรวบรวมบทวิเคราะห์ และเครื่องมือที่ใช้ในการตัดสินลงทุนและเพิ่มพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เช่น Finnomena ด้านการจัดพอร์ตการลงทุน Deepscope ด้าน Algorithm StockRadars ด้านข้อมูลประกอบการลงทุน โดยบล.กรุงศรี จะเป็นแกนกลางในการนำแพลตฟอร์มด้านการลงทุนมารวมไว้ด้วยกันเพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้งานได้ในที่เดียว รวมทั้งแพลตฟอร์มด้านการลงทุนที่ทางบริษัทจะได้มีการพัฒนาขึ้นเองโดยการอาศัยความร่วมมือจากผู้เชี่ยวชาญทั้งภายในและภายนอกบริษัท นับเป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในโลกยุคดิจิทัลได้อย่างรวดเร็วขึ้น” ส่วนในด้านการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า บริษัทมุ่งเน้นบริการที่ให้ลูกค้าสัมผัสถึงประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นเริ่มตั้งแต่เริ่มต้นเข้าสู่เส้นทางการลงทุน การเปิดบัญชีผ่านระบบ Online มีการทำ E-KYC ตามข้อกำหนดของทางการ ลูกค้าจะสามารถเปิดบัญชีครั้งเดียวเพื่อทำธุรกรรมสินค้าประเภทต่างๆ ได้ในบัญชีเดียวและสามารถทำธุรกรรมการโอนผ่านมือถือได้ทุกที่ที่ต้องการ มีการวิเคราะห์สถานะพอร์ตการลงทุนและรวมรายงานการถือครองผลิตภัณฑ์ต่างๆ ไว้ในระบบเดียว เพื่ออำนวยความสะดวกและทำให้ลูกค้าเห็นภาพรวมการลงทุนของตนเองไว้ในที่เดียว นอกจากนี้ บริษัทได้มุ่งเน้นการเตรียมความพร้อมของบุคลากรภายในองค์กรให้มีมุมมองในโลกยุคดิจิทัล และปลูกฝังแนวคิดในการสร้างความมั่งคั่งอย่างเป็นระบบ เพื่อก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของข้อมูลและนำเสนอบริการที่มีประสิทธิภาพเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า สำหรับบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี ที่ผ่านมาประสบความสำเร็จในการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่มีการปรับโครงสร้างพื้นฐานในการดำเนินธุรกิจ อาทิ ด้านกลุ่มงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ มีการขยายธุรกิจนักลงทุนสถาบันและวาณิชธนกิจ ในช่วงปี 2558-2561 บริษัทมีอัตราการเติบโตของส่วนแบ่งตลาดเฉลี่ยที่ 9% ต่อปี ขณะที่ด้านธุรกิจสถาบัน ส่วนแบ่งตลาดมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยที่ 20% ต่อปี และรายได้จากการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ของธุรกิจสถาบันมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยที่ 40% ต่อปี ด้านธุรกิจวาณิชธนกิจซึ่งเริ่มรุกอย่างจริงจังในปี 2560 พบว่ามีปริมาณธุรกิจที่ขยายตัวต่อเนื่อง โดยในปี 2560 มีจำนวน 12 บริษัท และปี 2561 มีจำนวน 4 บริษัท โดยบริษัทได้เป็นผู้ร่วมรับประกันการจัดจำหน่าย (IPO) จำนวน 15 บริษัท สำหรับในปี 2562 เรามีดีลที่อยู่ระหว่างดำเนินการ 2-5 บริษัท ซึ่งในจำนวนนี้ มี 2 บริษัทที่บล.กรุงศรีเป็นแกนนำในการประกันการจัดจำหน่าย