ประกาศชื่อสถานนามเมืองกันไปเป็นที่เรียบร้อย สำหรับ แห่งหนเพื่อการประชุมสุดยอด หรือซัมมิต ครั้งที่ 2 ของ “ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐอเมริกา” กับ “ประธานคิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ” ซึ่งจะมีขึ้นในห้วงวันที่ 27 – 28 ก.พ. หรือช่วงสิ้นเดือนนี้ ที่ประชาคมโลกต่างจับตาจ้องมองด้วยความสนใจยิ่ง
โดยจะมีขึ้นที่ “กรุงฮานอย” เมืองหลวงของ “เวียดนาม” ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อุษาคเนย์เรา
ก็ต้องยอมรับกันว่า “พลิกล็อก” กันไปเล็กๆ เพราะจากความคาดหมายเดิม บรรดานักวิเคราะห์ต่างชี้นิ้วไปที่ “นครดานัง” เมืองท่าอันโด่งดังทางตอนกลางของเวียดนาม จะรับ “หน้าเสื่อ” ในฐานะสถานที่จัดประชุมนัดประวัติศาสตร์ครั้งนี้
แบบกะว่า ทางสหรัฐฯ หมายใจจะให้คณะผู้นำของเกาหลีเหนือ ได้รับชมความเจริญรุ่งเรืองของเมืองท่าแห่งนี้ เป็น “เคสสตัดดี (Case Study) กรณีตัวอย่าง” สำหรับ การ “ขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ” หลังจากยกเลิกโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธพิสัยทำการต่างๆ ไปแล้ว แล้วหันมาพัฒนาเศรษฐกิจแทน ท่ามกลางสภาพแวดล้อมของบริบทในการปกครองบริหารประเทศ ที่ใช้ระบอบ “สังคมนิยม คอมมิวนิสต์” เฉกเช่นเดียวกัน คือ เกาหลีเหนือ กับเวียดนาม
หรือพูดอีกอย่าหนึ่งว่า “เวียดนามโมเดล (Vietnam Model)” สำหรับการพัฒนาเกาหลีเหนือนับจากนี้ต่อไปก็ว่าได้
ส่งผลให้คณะผู้นำของเกาหลีเหนือ ไปยลโฉมถึงความเจริญมั่งคั่งของ “ฮานอย” นครหลวงกรุงไกรแห่งแดนญวนแทน ซึ่งก็ต้องบอกว่า รุ่งเรืองก้าวหน้าปานๆ กัน และก็ยังถือเป็น “เวียดนามโมเดล” อีกเช่นกัน สำหรับเกาหลีเหนือ ที่สหรัฐฯ หมายใจหยิบยกให้เห็นเป็นตัวอย่าง
นั่น!...ก็จะเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่สายตนับล้านๆ คู่จับจ้องมองกันอย่าไม่กระพริบในช่วงสิ้นเดือนนี้ โดยที่ ณ เวลานี้ ทางทีมงานของทั้งสองประเทศ คือ สหรัฐฯ เกาหลีเหนือ ตลอดจนเกาหลีใต้ ก็กำลังทำงานกันอย่างหนัก เพื่อกรุยทางที่จะนำไปสู่การซัมมิตรอบ 2 เป็นไปอย่างราบรื่นประสบความสำเร็จด้วยดี
ว่ากันถึงความคิดความอ่านของชาวอเมริกันที่มีต่อซัมมิตรอบ 2 ที่จะมีขึ้นนั้น ตามการเปิดเผยของเหล่าสำนักโพลล์ อาทิ มอร์นิงคอนซัลท์ ฮิลล์-แฮร์ริสเอ็กซ์ และซีบีเอสเนชั่นแนลโพลล์ เป็นต้น ได้สำรวจความคิดเห็นอเมริกันชน แบบฉับพลันทันทีที่ประธานาธิบดีทรัมป์ กล่าวถึงการกำหนดเวลาและสถานที่ของการประชุมสุดยอด หรือซัมมิต รอบ 2 กับผู้นำเกาหลีเหนือ ระหว่างการปราศรัยแถลงนโยบายประจำปีต่อรัฐสภา หรือสเตท ออฟ เดอะ ยูเนียน” เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา แล้วปรากฏว่า ประเด็นนี้มีสถิติตัวเลขของกลุ่มตัวอย่างที่ชื่นชอบเห็นด้วยต่อการซัมมิตที่จะเกิดขึ้น แบบ “มาแรงแซงโค้ง” เมื่อเปรียบเทียบกับประเด็นอื่นๆ
ยกตัวอย่าง การสำรวจโพลล์ของ “ซีบีเอสเนชั่นแนลฯ” ปรากฏว่า ร้อยละ 78 ของกลุ่มตัวอย่างที่ตอบแบบสอบถาม ระบุว่า “เห็นด้วย” เพราะถือเป็น “ความคิดที่ดี กู๊ด ไอเดีย (Good Idea)” ส่วนผู้ที่ “ไม่เห็นด้วย” เพราะเห็นว่า เป็น “ความคิดที่ไม่ดี” หรือ “แบด ไอเดีย (Bad Idea)” มีจำนวนเพียงร้อยละ 22 เท่านั้น
โดยตัวเลขดังกล่าว ก็แซงหน้าประเด็นอื่นๆ เช่น เรื่องการสร้างกำแพงกั้นแนวพรมแดนสหรัฐฯ – เม็กซิโก ที่ได้ตัวเลขไปร้อยละ 71 ต่อ 29 การจัดการกรณีผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายที่ร้อยละ 72 ต่อ 28 ความต้องการที่จะคงทหารสหรัฐฯ ไว้ในภูมิภาคตะวันออกกลาง ที่ได้ร้อยละ 74 ต่อ 26
ทั้งนี้ จากตัวเลขข้างต้น ก็อาจกล่าวได้ว่า ประชาชนคนอเมริกัน ให้ความสนับสนุนส่งเสริมต่อ “คิม-ทรัมป์ซัมมิต” ครั้งประวัติศาสตร์รอบ 2 ที่จะมีขึ้น พร้อมๆ กับเสริมส่งคะแนนนิยมของประธานาธิบดีทรัมป์ ที่กำลังต่ำเตี้ยเรี่ยดิน จากผลพวงของปัญหาอันเกิดจากการบริหารประเทศของเขาหลายประการ เช่น การเดินหน้านโยบายสร้างกำแพงกั้นพรมแดนกับเม็กซิโก จนนำไปสู่ภาวะปิดทำการภาครัฐ หรือชัตดาวน์ อย่างสุดยาวนานในประวัติศาสตร์ ให้พลิกฟื้นตีตื้นขึ้นมาอย่างฉับพลันทันใด