การประชุมใหญ่สามัญประจำปี ๒๕๖๑ ของสหกรณ์ออมทรัพย์กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น จำกัด ที่มี นายสุทธิพงษ์  จุลเจริญ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เป็นประธานกรรมการ เมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ที่ผ่านมา ที่หอประชุม ๑๐๐ ปีมหาดไทย ภายในวิทยาลัยการปกครอง อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เพื่อพิจารณาผลการดำเนินงานในรอบปี และมีวาระที่สำคัญคือ การเลือกตั้งประธานกรรมการดำเนินการ และกรรมการดำเนินการชุดใหม่ แทนตำแหน่งที่ว่าง  โดยการประชุมดังกล่าวได้เลื่อนอย่างกะทันหัน จากเดิมกำหนดไว้ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2562 ณ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น โดยไม่ทราบสาเหตุ ในการประชุมดังกล่าว กำหนดเริ่มเวลา ๐๙.๐๐ น. โดยมีนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ พร้อมคณะกรรมการดำเนินการชุดเดิมและผู้จัดการสหกรณ์มาถึงสถานที่ประชุมตั้งแต่เวลา ๐๘.๐๐ น. แต่ได้เริ่มดำเนินการประชุมเมื่อเวลา ๐๙.๔๐ น. โดยมี นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ทำหน้าที่เป็นประธานในการประชุม เป็นที่สังเกตว่า การประชุมครั้งนี้ มีการใช้เวลานานกว่าปกติทุกวาระการประชุม โดยวาระที่ใช้เวลามากที่สุดคือวาระการรับรองรายงานการประชุม โดยใช้เวลากว่าหนึ่งชั่วโมงเนื่องจากประธานในที่ประชุมได้สั่งให้ฝ่ายเลขานุการอ่านรายงานการประชุมทีละตัวอักษร และมีการทักท้วงจากสมาชิกในที่ประชุมที่ไม่ขอรับรองรายงานการประชุมเมื่อวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นการประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อพิจารณาถอดถอนคณะกรรมการดำเนินการทั้งคณะ และการให้เพิกถอนมติคณะกรรมการดำเนินการชุดปัจจุบันเมื่อวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๖๑ ที่มีมติให้โอนหนี้ของผู้กู้ไปให้ผู้ค้ำประกันรับผิดชอบแทน ซึ่งเป็นการประชุมที่สมาชิกสหกรณ์เข้าชื่อเสนอให้เปิดการประชุม โดยวาระนี้ มีการลงคะแนนอย่างเปิดเผยโดยการชูบัตรสีเหลืองที่ทางฝ่ายจัดการแจกให้สมาชิกตอนลงทะเบียนเข้าประชุม ผลปรากฏว่า ที่ประชุมไม่เห็นชอบให้มีการรับรองรายงานการประชุมครั้งดังกล่าว เนื่องจากสมาชิกส่วนใหญ่เห็นว่า การประชุมครั้งดังกล่าว สมาชิกเสนอให้เป็นวาระเพื่อพิจารณา แต่คณะกรรมการกลับนำไปบรรจุเป็นวาระแจ้งเพื่อทราบ และไม่เปิดโอกาสให้สมาชิกใช้สิทธิในการอภิปราย จนทำให้มีการ walk out ออกจากห้องประชุมในครั้งดังกล่าว ประกอบกับได้สมาชิกสหกรณ์ได้มีการร้องขอให้อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ในฐานะนายทะเบียนสหกรณ์ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ โดยผลการตรวจสอบยังไม่สิ้นสุด สำหรับวาระการเลือกตั้งประธานกรรมการดำเนินการคนใหม่แทนตำแหน่งที่ว่าง คือ แทนนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ นั้น ก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระนี้ นายสุทธิพงษ์ฯได้ขอลาการประชุมเพื่อไปปฏิบัติภารกิจที่จังหวัดนครปฐม โดยมอบให้ นายขจร  รองประธานกรรมการเป็นประธานในที่ประชุมแทน โดยมีการเสนอชื่อผู้สมควรเป็นประธานกรรมการจำนวน ๒ รายชื่อ คือ นายสุทธิพงษ์  จุลเจริญ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และนายอำพล ยุติโกมินทร์ ปลัดเทศบาลเมืองสามพราน จังหวัดนครปฐม ซึ่งกว่าจะดำเนินการให้มีการเลือกได้สำเร็จต้องมีการนับองค์ประชุมถึง ๓ ครั้ง โดยครั้งสุดท้าย ประธานในที่ประชุมได้ขอให้มีการผู้สนับสนุนของทั้งสองคนให้นั่งคนละฝั่งของห้องประชุม โดยผลปรากฏว่า นายอำพล ยุติโกมินทร์ ได้รับการเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงข้างมากคือ ๗๙๑ คะแนน ชนะนายสุทธิพงษ์  จุลเจริญที่ได้ ๔๑๗ คะแนน โดยใช้เวลากว่า ๑ ชั่วโมงสำหรับวาระนี้ หลังจากนั้น ประธานฯเห็นว่า การประชุมได้ล่วงเลยมาจนถึงเวลา ๑๔.๒๐ น. กรรมการและสมาชิกส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับประทานอาหารกลางวัน และส่วนใหญ่ยังไม่ได้ไปเลือกตั้งกรรมการดำเนินการ ซึ่งได้กำหนดให้มีการลงคะแนนด้านนอกห้องประชุม จึงได้พักการประชุมเป็นเวลา ครึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นจึงได้ดำเนินการประชุมใหม่ จนเสร็จสิ้นที่ ๑๖.๓๐ น. นับเป็นการประชุมที่ใช้เวลายาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของการประชุมใหญ่สหกรณ์ออมทรัพย์กรมส่งเสิรมการปกครองท้องถิ่น นับแต่การก่อตั้งมาเมื่อปี ๒๕๔๖ สำหรับผลการเลือกตั้งกรรมการดำเนินการชุดใหม่แทนตำแหน่งที่ว่าง ในสัดส่วนของข้าราชการส่วนท้องถิ่น รวม ๗ คน ผลปรากฏว่า “ทีมรวมพลังท้องถิ่น” ที่ได้รับการสนับสนุนจาก สมาคมข้าราชการส่วนท้องถิ่นแห่งประเทศไทย พร้อมภาคีเครือข่ายของข้าราชการส่วนท้องถิ่น ประกอบด้วย เครือข่ายผู้ค้ำประกันเงินกู้สหกรณ์ สถ. สมาคมส่งเสริมช่างท้องถิ่น สมาพันธ์ปลัดอปท.แห่งประเทศไทย สมาพันธ์รองปลัดอปท.แห่งประเทศไทย สมาพันธ์อำนวยการท้องถิ่นแห่งประเทศไทย สมาพันธ์เครือข่ายวินัยท้องถิ่นแห่งประเทศไทย สมาคมเครือข่ายวินัยศรีสะเกษ ได้รับเลือกตั้งยกทีม ประกอบด้วย ลำดับที่ ๑ ว่าที่ ร.ท.ชูชาติ  จันทร์แก้ว  ปลัดอบต.ลาดบัวหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้ ๑,๔๔๓ คะแนน ลำดับที่ ๒ นายอัศนัย  แจ่มจันทร์  ปลัดเทศบาลตำบลบ่อพลอย อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี  ได้ ๑,๔๐๒ คะแนน ลำดับที่ ๓ นายสากล  ภู่ขันเงิน ปลัดเทศบาลตำบลหนองตาด จังหวัดบุรีรัมย์ (หัวหน้าทีม) ได้ ๑,๓๘๒ คะแนน ลำดับที่ ๔ นายชยกฤต  กวาวสนั่น  ผู้อำนวยการกอง  อบต วัดแค อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐท ได้ ๑,๓๖๖ คะแนน ลำดับที่ ๕ นายเฉลิมชัย  ปานเนือง  ปลัด อบต.จอมปลวก  จังหวัด สมุทรสงคราม   ได้ ๑,๓๔๖  คะแนน ลำดับที่ ๖ นางรจนา  ทองทิพย์  ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลหนองหมี อำเภอราษีไศล. จังหวัดศรีสะเกษ   ได้ ๑,๓๓๙ คะแนน ลำดับที่ ๗ นางสาวศุภดามาศ  จันทาธอน  รองปลัดเทศบาลตำบลไก่คำ  อำเภอเมือง  จังหวัดอำนาจเจริญ ได้ ๑,๓๒๒ คะแนน โดยทีมที่ได้รับเลือกในครั้งนี้ ได้รับแรงหนุนจาก เครือข่ายผู้ค้ำประกันเงินกู้สหกรณ์ สถ. ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการที่คณะกรรมการชุดเดิมมีมติให้โอนหนี้ของผู้กู้ ไปให้ผู้ค้ำรับผิดชอบแทน ซึ่งมติดังกล่าวมีขึ้นเมื่อวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๖๑ โดยมีผู้ค้ำประกันได้รับความเดือดร้อนจากมติดังกล่าวกว่า ๘,๐๐๐ คน จากผู้กู้ที่ค้างชำระ ๔,๐๐๐ กว่าราย เป็นมูลหนี้กว่า ๑,๐๐๐ ล้านบาท โดยสมาคมข้าราชการส่วนท้องถิ่นแห่งประเทศไทย ได้นำผู้เดือดร้อนไปร้องทุกข์ต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย นายกรัฐมนตรี ผู้ตรวจการแผ่นดิน อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รวมทั้งสื่อมวลชนหลายแขนง ก่อนหน้านี้รวม ๓ ครั้ง คือ เมื่อวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๑ วันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ และวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๑ แต่ยังไม่ได้รับการแก้ไข สุดท้ายจึงจำเป็นต้องส่งตัวแทนสมัครเข้ารับการเลือกตั้งเป็นประธานกรรมการ และกรรมการสหกรณ์ เพื่อมุ่งหวังให้คณะกรรมการชุดใหม่เข้าไปสะสางแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้ลุล่วง รวมทั้งประเด็นอื่นๆ ที่ทางสมาชิกสหกรณ์เห็นว่าสหกรณ์ปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อสมาชิก นายพิพัฒน์  วรสิทธิดำรง นายกสมาคมข้าราชการส่วนท้องถิ่นแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้เสนอชื่อ นายอำพล ยุติโกมินทร์ ต่อที่ประชุมในการเลือกตั้งประธานกรรมการสหกรณ์ในครั้งนี้ กล่าวว่า สิ่งที่คณะกรรมการดำเนินการชุดปัจจุบันต้องรีบดำเนินการคือ การสร้างความเชื่อมั่นให้กับสมาชิกสหกรณ์ทั้งฝ่ายของผู้ที่สังกัดกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และผู้ที่สังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้ทุกคนมีความเชื่อมั่นต่อการบริหารงานของคณะกรรมการชุดใหม่ที่จะต้องเข้าไปสานงานต่อจากคณะกรรมการชุดเดิม พร้อมทั้งต้องสร้างความเชื่อมั่นให้พนักงานเจ้าหน้าที่ของสหกรณ์ที่อาจไม่เข้าใจกระบวนการการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ “และประเด็นสำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ คือการยกเลิกมติของคณะกรรมการชุดเดิมเมื่อวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๖๑ เฉพาะประเด็นการโอนหนี้ของผู้กู้ไปให้ผู้ค้ำรับผิดชอบแทน ต้องดำเนินการโดยทันทีในการประชุมครั้งแรกของคณะกรรมการชุดนี้ จึงจะทำให้สมาชิกสหกรณ์ที่เดือดร้อนได้คลายความทุกข์ที่เกิดขึ้นตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา เชื่อมั่นว่า คณะกรมการชุดใหม่ โดยการนำของประธานคนใหม่ ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งรองประธานกรรมการสหกรณ์แห่งนี้มาก่อน จะสามารถฝ่าวิกฤตครั้งสำคัญนี้ไปได้อย่างราบรื่น” นายพิพัฒน์ กล่าว