อธิการบดี มทร.รัตนโกสินทร์เปิดวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ 2562 ชูค่านิยมองค์กร Move Up ยกระดับพร้อมขับเคลื่อน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ ภายใต้การนำของ ผศ.ศิวะ วสุนธราภิวัฒก์ อธิการบดี เปิดให้สัมภาษณ์พิเศษแก่สื่อมวลชน เผยวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์เพื่อขับเคลื่อนให้มหาวิทยาลัยสู่ความเป็นเลิศด้านการผลิตบัณฑิตนักปฏิบัติที่มุ่งจบออกไปเป็นผู้ประกอบการที่มีคุณภาพ รวมทั้งแถลงเปิดค่านิยมองค์กร รับปีพุทธศักราช 2562 MOVE UP-ยกระดับพร้อมขับเคลื่อน เพื่อให้บุคลากรของมหาวิทยาลัยยึดถือปฏิบัติในทิศทางเดียวกัน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ มีอายุครบ 14 ปี เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2562 เหมือนเป็นมหาวิทยาลัยที่อายุยังไม่มาก แต่จริงๆแล้ว การกำเนิดมทร.รัตนโกสินทร์เป็นการรวมตัวกันของสถาบันการศึกษาที่เก่าแก่ ประกอบด้วย 4 พื้นที่ได้แก่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ พื้นที่ศาลายา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ พื้นที่บพิตรพิมุข จักรวรรดิ วิทยาลัยเพาะช่าง และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์วิทยาเขตวังไกลกังวล ซึ่งแต่ละพื้นที่มีจุดแข็งจุดเด่นที่แตกต่างกัน ผศ.ศิวะ วสุนธราภิวัฒก์ อธิการบดี กล่าวว่าสำหรับปี 2562 นั้น มทร.รัตนโกสินทร์ ตั้งเป้าขับเคลื่อนเพื่อยกระดับมหาวิทยาลัยให้เป็นเลิศในหลายๆด้าน เริ่มด้วยการประกาศค่านิยมองค์กร MOVE UP ยกระดับพร้อมขับเคลื่อน โดย M คือ ก้าวสู่นวัตกรรม(MOVE TO INNOVATION), O คือ สำนึกความเป็นเจ้าขององค์กร (OWNERSHIP) , V คือ สอนสร้างเสริมเพิ่มคุณค่า (VALUE) , E คือ ศรัทธาหลักธรรมาภิบาล (ETHICS) , U คือสมัครสมานสามัคคี (UNITY) และ P คือ ประสิทธิภาพดีมีวินัย (PERFORMANCE) โดยค่านิยมดังกล่าวบุคลากรของมหาวิทยาลัยจะต้องถือปฏิบัตินำไปใช้ทั้งเรื่องการทำงานและการเรียนการสอน ในส่วนของหลักสูตรการเรียนการสอน มหาวิทยาลัยได้สร้างหลักสูตรที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของมหาวิทยาลัยคือเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำแห่งสังคมการประกอบการ(SMART ENTREPRENEUR) หลักสูตรต่างๆ จะมุ่งสอนให้นักศึกษาเมื่อจบออกไปแล้วต้องทำงานเป็น ต้องเป็นบัณฑิตนักปฏิบัติ สิ่งที่เรียนรู้จากมหาวิทยาลัยต้องสามารถนำไปทำงานได้จริง เน้นปฏิบัติมากกว่าทฤษฎี ในเร็วๆนี้ทุกสาขาวิชาจะต้องใช้ระบบสหกิจศึกษาแทนการฝึกงาน โดยเข้าไปเรียนรู้ฝึกฝนในสถานประกอบการจริง ซึ่งสามารถไปฝึกได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ สำหรับในเรื่องของการเรียนภาคทฤษฎีนั้นเด็กสมัยนี้เป็นเด็ก GEN Z เขามีความเชี่ยวชาญทางเทคโนโลยี หลักทฤษฎีต่างๆ เขาสามารถเรียนรู้ได้จากอินเตอร์เน็ต แต่เมื่อมาเรียนที่มหาวิทยาลัยเขาจะได้รับโจทย์จากผู้สอน ได้เห็นการสาธิตบางอย่างที่เป็นองค์ความรู้เฉพาะเพื่อนำไปฝึกปฏิบัติให้เกิดความชำนาญและยังสามารถสอบถามรับคำเสนอแนะได้อย่างใกล้ชิด ส่วนอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ ที่จำเป็นต่อการเรียนการสอน มหาวิทยาลัยก็พยายามจัดหาให้อย่างเพียงพอและให้มีความเหมือนกับที่สถานประกอบการใช้งานจริง เมื่อจบออกไปสู่สถานประกอบการเขาจะสามารถลงมือทำงานได้ทันทีเพราะมีความคุ้นเคยกับเครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ อยู่แล้ว แต่ถ้าอุปกรณ์เครื่องมือของสถานประกอบการไม่เหมือนตอนเรียน เขาต้องไปเริ่มต้นเรียนรู้ใหม่ เราจึงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก ผศ.ศิวะ กล่าวต่อว่า ผู้สอนสมัยนี้ก็ต้องปรับตัวให้ทันเด็ก ต้องนำเทคโนโลยีมาช่วยในการเรียนการสอนไม่ใช่เพียงแค่เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับสาขาวิชาเท่านั้น ในการให้คำปรึกษาอำนวยความสะดวกแก่นักศึกษามีหลายช่องทางปัจจุบันใช้ทั้งกลุ่มไลน์ กลุ่มเฟสบุ๊ค ใช้การสื่อสารออนไลน์เข้ามาช่วยทำให้สามารถตรวจงานพร้อมให้คำปรึกษาได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ในช่วงปิดเทอมมหาวิทยาลัยส่งเสริมสนับสนุนให้อาจารย์ไปเพิ่มพูนความรู้ในสถานประกอบการเพื่อนำความรู้ ประสบการณ์ตรงที่ได้จากสถานประกอบการมาถ่ายทอดให้ความรู้แก่นักศึกษาเพื่อให้การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับโลกการทำงานจริง หลักสูตรที่นี่ไม่ถึงขั้นเป็นออนไลน์ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพียงแต่นำมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับยุคสมัย ตัวอย่างการเรียนการสอนระดับปริญญาโท ปริญญาเอกของวิทยาลัยนวัตกรรมการจัดการ ก็มีการเรียนการสอนการทำบัญชีดิจิตอล เทคโนโลยีจะถูกแทรกเข้ามาแทบทุกสาขาวิชา เราพยายามเปิดแผนการสอนใหม่ๆ ล่าสุดเปิดคณะวิทยาศาสตร์สาขาวิชาวิทยาการแปรรูปและการประกอบอาหารที่เมื่อจบแล้วสามารถที่จะเข้าไปทำงานได้ทั้งในสถานประกอบการ และเป็นผู้ประกอบการเองได้ด้วย หลักสูตรการโรงแรมและการท่องเที่ยวก็มีโรงแรมให้ฝึกปฏิบัติงานจริงทั้งราชมงคลชมคลื่นที่หัวหินและรัตนโกสินทร์เพลสที่ศาลายา และเร็วๆนี้วิทยาลัยนานาชาติก็กำลังเปิดคนที่มาเรียนจะได้ปริญญาสองดีกรีจากมทร.รัตนโกสินทร์และจากมหาวิทยาลัยที่ประเทศฝรั่งเศส นอกจากนั้นผมยังมีแนวคิดอยากเปิดการสอนด้านวิทยาศาสตร์เวชศาสตร์ความงาม รวมทั้งหลักสูตรอาชีพที่ผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุเรียนได้เพราะสังคมไทยกำลังก้าวเข้าสู่ยุคสังคมผู้สูงอายุ (AGING SOCIETY)ประชาชนกลุ่มนี้มีจำนวนมากขึ้นเราก็เริ่มมีหลักสูตรระยะสั้นๆในรูปแบบบริการวิชาการบ้าง เช่น วิทยาลัยเพาะช่าง ชำนาญเรื่องงานศิลปะก็เปิดสอนให้ผู้สูงอายุมาวาดรูป มาทำงานศิลปะ เป็นต้น นอกจากการผลิตบัณฑิตที่เป็นนักปฏิบัติที่เก่งงานแล้ว มหาวิทยาลัยยังเน้นผลิตบัณฑิตให้เป็นคนดีด้วย เพราะถ้าเก่งแล้วไม่ดีเมื่อออกไปสู่สังคมก็ไปสร้างปัญหาให้สังคมอีก ดังที่มีให้เห็นทั่วไปตามข่าวว่าคนเก่งๆ ใช้ความสามารถของตัวเองไปในทางที่ไม่เหมาะสม มหาวิทยาลัยไม่นิ่งนอนใจ เรานำวิชาเก่าแก่ที่จริงๆ แล้วยังสามารถใช้ได้ทุกยุคทุกสมัยอย่างวิชาหน้าที่พลเมืองหรือวิชาศีลธรรมมาสอนโดยคณะศิลปศาสตร์เป็นผู้รับผิดชอบ เพราะเราตระหนักว่าการสร้างคนเก่งย่อมขับเคลื่อนให้บ้านเมืองพัฒนา การสร้างคนดีย่อมขับเคลื่อนให้ประเทศเรามีสังคมที่น่าอยู่ ดังนั้นการที่จะให้ประเทศเราเจริญพัฒนาให้ทัดเทียมหรือเหนือคู่แข่งประเทศเพื่อนบ้านและเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสังคมที่น่าอยู่ได้นั้น ในฐานะที่เราเป็นสถานศึกษาจึงต้องมีความรับผิดชอบในการผลิตบัณฑิตให้เป็นที่พึงประสงค์แก่สังคมและประเทศชาติ ผลผลิตของมทร.รัตนโกสินทร์จึงต้องมีคุณสมบัติคือต้องเก่งและดีด้วย ผศ.ศิวะ กล่าว