นายวันจักร์ บุรณศิริ ประธานผู้บริหารสายงานการเงินและสนับสนุนธุรกิจ บมจ.แสนสริ เปิดเผยว่า แผนการเปิดตัวโครงการใหม่ในปีนี้ บริษัทเตรียมที่จะเปิดตัวทั้งหมด 28 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวม 46,600 แบ่งเป็น คอนโดมิเนียม 12 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 22,400 ล้านบาท โดย 3 โครงการจะเป็นโครงการร่วมทุน และอีก 9 เป็นของแสนสิริเอง, บ้านเดี่ยว 9 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 18,700 ล้านบาท และทาวน์เฮ้าส์ 7 โครงการรวมมูลค่า 5,500 ล้านบาท ส่วนแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ปีนี้จะมุ่งเน้นเปิดตัวโครงการในระดับกลาง-ล่างเป็นหลัก และมีระดับราคาที่เข้าถึงได้มากขึ้น โดยหากเป็นคอนโดฯจะมีระดับราคาที่ 2-5 ล้านบาท, บ้านเดี่ยว 3-5 ล้านบาทและ ทาวน์เฮ้าส์ ราคา 1 ล้านบาทปลาย – 2.5 ล้านบาท ทั้งนี้การรุกเข้าไปจับตลาดกลาง-ล่างมากขึ้นเนื่องต้องการกระจายความเสี่ยง อีกทั้งตลาดกลาง-ล่าง เป็นตลาดที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องตลาดระยะเวลา 3 ปี โดยเฉพาะตลาดบ้านแนวราบ มีอัตรการเติบโตสูงถึง 63% วันจักร์ บุรณศิริ สำหรับมาตรการ LTV ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยออกมานั้น อาจมีผลกระทบบ้างแต่ไม่มากโดยเฉพาะกลุ่มบ้านแนวราบ ส่วนคอนโดมิเนียมมีแค่บางกลุ่มเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบอย่างกลุ่มนักลงทุนเป็นต้น ส่วนสิ่งที่บริษัทกังวล คือ การเมืองหลังการเลือกตั้ง ทั้งการเปลี่ยนแปลงและเสถียรภาพ ทำให้บริษัทต้องดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวังและเน้นกระจายความเสี่ยงมากขึ้น รวมถึงการมุ่งทำธุรกิจที่เป็นรายได้ประจำมากขึ้น เช่น ธุรกิจโรงแรม และออฟฟิศ เป็นต้น อย่างไรก็ตามปีนี้บริษัทวางงบลงทุนซื้อที่ดินไว้ที่ 5,000 ล้านบาท นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บมจ.แสนสิริ (SIRI) กล่าวว่า การดำเนินงานในปีนี้ บริษัทได้วางวิสัยทัศน์ For Greater Well-being เพื่อต่อยอด 2 แนวคิด Green & Well-being มาประยุกต์ใช้กับทุกโครงการใหม่ของแสนสิริ นำร่องด้วยโครงการเศรษฐสิริ ทวีวัฒนา บ้านเดี่ยวภายใต้คอนเซปต์ Well-being โครงการแรกของแสนสิริที่จะเปิดตัวในช่วงกลางเดือนก.พ.นี้ รวมทั้งเตรียมเปิดขายอย่างเป็นทางการ Wellness Residence คอนโดมิเนียมสำหรับคนรักสุขภาพแห่งแรกของไทยบนทำเลศักยภาพกรุงเทพกรีฑา ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ โดยเป็นโครงการร่วมทุนระหว่าง บริษัท โตคิว คอร์ปอเรชั่น จำกัด และ โรงพยาบาลสมิติเวช ทั้งนี้บริษัทยังจะรุกเปิดตัวแบรนด์บุราสิริมากขึ้นด้วย เนื่องจากมองเห็นความต้องการคนในกรุงเทพที่อยากได้บ้านสไตล์รีสอร์ตเพื่อเติมเต็ม อีกทั้งปีนี้ยังจะเปิดตัว “บ้านปลอดฝุ่น” หรือ Dust-free House ครั้งแรกของเมืองไทย ภายในไตรมาส2 ปีนี้ นอกจากนี้ยังประกาศนโยบายรับผิดชอบต่อสังคมอย่างจริงจังผ่านการลดการใช้พลังงานและการใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่สร้างผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อมโลกในทุกขั้นตอน อุทัย อุทัยแสงสุข นอกจากนี้บริษัทมุ่งสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์มากขึ้น ทั้งในประเทศและในตลาดต่างประเทศ ล่าสุดเมื่อประมาณกลางเดือนม.ค.ที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดสำนักงานออฟฟิศ “SIRI HOUSE” ที่สิงคโปร์ ประเทศแรก เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้าต่างประเทศ โดยภายใน “SIRI HOUSE” จะประกอบไปด้วย ห้องตัวอย่างให้ลูกค้าได้ชม, มีอาร์ตแกลอรี่, รีเทลช็อป , ร้านอาหาร เป็นต้น และจะเข้ามาเปิดที่ประเทศไทยด้วยเช่นกันภายในปีนี้ พร้อมนำเดินหน้านำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้ในพัฒนาการดำเนินธุรกิจให้มากขึ้นเพื่อความสะดวกสบายของลูกค้าและเพิ่มประสิทธิภาพในดำเนินธุรกิจของบริษัท ด้านภาพรวมเป้ายอดขายปีนี้บริษัทตั้งเป้าไว้ที่ 36,000 ล้านบาท และ เป้าโอนรวมที่ 32,000 ล้านบาท โดยเป็นเป้าโอนจากโครงการแสนสิริเอง 70% และจากโครงการร่วมทุนอีก 30% ส่วนเป้าหมายระยะยาว 3 ปี (2562-2564) คาดว่ายอดขายรวมที่ประมาณ 160,000 ล้านบาท ส่วนผลการดำเนินงานในปี 2561 บริษัทมียอดขายกว่า 48,500 ล้านบาท เติบโต 26% เปรียบเทียบกับในปี 2560 ที่มียอดขายอยู่ที่ 38,500 ล้านท โดยเป็นยอดขายจากกลุ่มลูกค้าต่างชาติกอยู่ที่ว่า 14,000 ล้านบาท เติบโตกว่าปีที่ผ่านมาถึง 51% และยอดขายจากกลุ่มลูกค้าตลาดต่างจังหวัดอยู่ที่ 12,000 ล้านบาทหรือคิดเป็น 25% ของยอดขายรวมทั้งหมด เติบโตขึ้นกว่าปีก่อนถึง 51% ปัจจุบันบริษัทยังมียอดขายรอรับรู้รายได้รวมกว่า 63,500 ล้านบาท