เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 59 ดร.นพดล กรรณิกา ประธานชมรมขับเคลื่อนวิชาการเพื่อวิจัยความสุขชุมชน สำนักวิจัย ซูเปอร์โพล เปิดเผยผลสำรวจ เรื่อง เสียงสะท้อนของประชาชนต่อ การปรับปรุงกฎหมายควบคุมยาสูบและการป้องกันปัญหายาเสพติดในกลุ่มเด็กและเยาวชนหน้าใหม่ว่า ร้อยละ 95.6 ระบุ กฎหมายบุหรี่ใช้มาแล้ว 25 ปีต้องได้รับการปรับปรุงให้ทันสมัยเพื่อรู้เท่าทันวิธีการของบริษัทบุหรี่และเพื่อป้องกันเด็กและเยาวชนหน้าใหม่ไม่ให้สูบบุหรี่ ร้อยละ 92.4 ระบุ งานวิจัยจากทั่วโลกชี้ชัดว่าการสูบบุหรี่นำไปสู่สิ่งเสพติดชนิดอื่น การปรับปรุง กฎหมายควบคุมยาสูบ จะช่วยป้องกันการติดยาเสพติดของเด็กและเยาวชนหน้าใหม่ นอกจากนี้ยังพบว่าร้อยละ 77.5 ระบุ บริษัทบุหรี่ข้ามชาติ ทุ่มเทเงินจำนวนมากต่อต้านการปรับปรุงกฎหมายควบคุมยาสูบเป็นเพราะบริษัทบุหรี่ข้ามชาติต้องการปกป้องผลประโยชน์ของบริษัทมากกว่า การดูแลสุขภาพของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ และที่น่าสนใจคือ หลังจากแยกวิเคราะห์ประชาชนออกเป็นกลุ่ม ผู้สูบ และ กลุ่ม ผู้ไม่สูบ พบว่า ทั้งสองกลุ่มส่วนใหญ่คือ ร้อยละ 91.9 ของกลุ่มผู้สูบ และร้อยละ 96.7 ของกลุ่มผู้ไม่สูบ เห็นด้วยว่ากฎหมายบุหรี่ที่ใช้มาแล้ว 25 ปีต้องได้รับการปรับปรุงให้ทันสมัย และถึงเวลาแล้ว ที่รัฐบาลต้องปรับปรุงกฎหมายให้ป้องกันและแก้ปัญหาการสูบบุหรี่ของคนไทยให้ได้ผลมากยิ่งขึ้นเพื่อป้องกันการสูญเสีย ดร.นพดล กล่าวอีกว่า ที่น่าพิจารณาคือ เมื่อแยกประชาชนออกเป็นกลุ่มเด็กและเยาวชน กับ กลุ่มผู้ใหญ่ในประเด็นสำคัญเรื่องบุหรี่ พบว่า ส่วนใหญ่ของทั้งสองกลุ่มคือ กลุ่มเด็กและเยาวชน กับ กลุ่มผู้ใหญ่ คือร้อยละ 93.9 และ 95.8 เห็นด้วยว่ากฎหมายบุหรี่ใช้มาแล้ว25ปี ต้องได้รับการปรับปรุงให้ทันสมัย เพื่อรู้เท่าทันวิธีการของบริษัทบุหรี่และเพื่อป้องกันเด็กและเยาวชนหน้าใหม่ไม่ให้สูบบุหรี่ โดยกลุ่มเด็กและเยาวชน ร้อยละ 91.9 กับ กลุ่มผู้ใหญ่ร้อยละ 91.7 เห็นพ้องตรงกัน คือถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลต้องปรับปรุงกฎหมายให้ป้องกันและแก้ปัญหาการสูบบุหรี่ให้ได้ผลมากยิ่งขึ้นเพื่อป้องกันการสูญเสีย