นักกฎหมายชี้ ผู้สมัครส.ส.เปลี่ยนชื่อ เป็น “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” ไม่ผิด เป็นสิทธิตามพ.ร.บ.ชื่อสกุล ระบุเป็นการตลาดการเมือง ของผู้สมัครโนเนม แก้ล็อกกฎหมายพรรคเดียวคนละเบอร์ แนะคู่แข่งเปลี่ยนชื่อสู้ จะเปลี่ยนเป็น “ประยุทธ์”ก็ได้ นายธนชาติ แสงประดับ ธรรมโชติ รองประธานกรรมการสิทธิมนุษยชน สภาทนายความ ให้สัมภาษณ์ “สยามรัฐ” ถึงกรณีผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคเพื่อชาติ เปลี่ยนชื่อเป็นทักษิณ และยิ่งลักษณ์ คล้ายกับนายทักษิณ ชินวัตร และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า เป็นสิทธิตามพ.ร.บ.ชื่อสกุล ที่สามารถเปลี่ยนชื่อได้ โดยนายทะเบียนจะพิจารณาว่าเป็นชื่อที่ไม่อนาจาร และไม่กระทบเบื้องสูง ส่วนที่ทั้งสองเป็นชื่อของผู้ที่ถูกดำเนินคดีนั้น เรื่องนี้ไม่เป็นปัญหา เพราะการกระทำความผิดในคดีต่างๆ สิ่งสำคัญคือบัตรประชาชน ที่มีตัวเลข 13 หลัก ต่อข้อถามที่ว่า กรณีนี้ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ของผู้สมัครหน้าใหม่ ที่ยังไม่เป็นที่จดจำหรือไม่ นายธนชาติ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่ากรณีนี้มองได้ 2 ลักษณะ ประการแรก คนคิดมีเซนส์ทางการเมืองที่ทำให้ชนะการเลือกตั้ง และประการที่สอง ทำให้คนรู้สึกตลก อ่านแล้วอมยิ้มและจดจำ ไมเป็นพิษเป็นภัยกับสังคม แต่อาจสร้างความหงุดหงิดให้กับผู้มีอำนาจ เป็นการสร้างวาทกรรมของนักการเมืองหน้าใหม่ ที่ไม่มีใครรู้จัก พอเปลี่ยนชื่อให้สอดคล้องกับคนดังทำให้คนรู้จักทั้งประเทศทันที ในเชิงการตลาดการเมืองถือว่าประสบความสำเร็จ ซึ่ง มีโอกาสที่จะเกิดกรณีนี้ขึ้นอีก “ปัญหาเกิดจากกฎหมาย กำหนดให้พรรคเดียวแต่คนละเบอร์ กรณีนี้ถือเป็นการแก้เกมกฎหมาย ในเมื่อกฎหมายพยายามจะล็อกไม่ให้ลงคะแนนแห่ตามกัน เพื่อป้องกันความสับสน ตอนเข้าคูหาต่อไปนี้คนก็อาจจะไม่สนใจเบอร์เลย แต่จำชื่อแทน” นายธนชาติ กล่าวว่า หากจะแก้เกมการเมืองนี้ คู่แข่งก็ต้องไปเปลี่ยนชื่อให้เหมือนกัน ประชาชนจึงจะหันมาสนใจเบอร์ หรือผู้สมัครคนไทยเห็นว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีคะแนนนิยมดี ก็เปลี่ยนชื่อให้คล้องจองกับพล.อ.ประยุทธ์ หรือบุคคลที่มีชื่อเสียงในรัฐบาลก็ได้ทั้งนั้น