สทนช. ยืมตัวบุคลากรกรมทรัพยากรน้ำ กว่า 70 คน เสริมทัพขับเคลื่อนงานบริหารทรัพยากรน้ำของประเทศในระดับลุ่มน้ำ ตาม พ.ร.บ.น้ำ’61 วันนี้ (4 ก.พ.2) นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนาชี้แจงนโยบายและแนวทางปฏิบัติงานบริหารจัดการพื้นที่ลุ่มน้ำ ตามพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 พร้อมพิธีการส่งมอบงานเลขานุการคณะกรรมการลุ่มน้ำเดิมจากกรมทรัพยากรน้ำให้มาอยู่ในภารกิจของ สทนช. โดยมีนายสุวัฒน์ เปี่ยมปัจจัย อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ นายสำเริง แสงภู่วงค์ รองเลขาธิการ สทนช. ผู้บริหารระดับสูง ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ของ สทนช.และ ทน. เข้าร่วม ณ โรงแรมเอบีน่า เฮ้าส์ กรุงเทพฯ นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวว่า สทนช. ได้จัดประชุมสัมมนาชี้แจงนโยบายและแนวทางการดำเนินงานให้แก่ข้าราชการและลูกจ้างประจำที่ยืมตัวจากกรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำนวน 70 คน ให้มาปฏิบัติหน้าที่ประจำสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เพื่อร่วมปฏิบัติงานในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำระดับพื้นที่ลุ่มน้ำทั้ง 25 ลุ่มน้ำ ให้สามารถขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าว สืบเนื่องจากพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 ที่มีผลบังคับใช้ไปเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2562 และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารทรัพยากรน้ำแห่งชาติ พ.ศ. 2561 กำหนดให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือ สทนช. ทำหน้าที่เป็นสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และให้จัดตั้งสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติภาค (สทนช.ภาค)ขึ้น ทำหน้าที่เป็นสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการลุ่มน้ำ ประกอบกับ มติที่ประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ครั้งที่ 4/2561 เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2561 ได้มอบหมายให้เลขาธิการ สทนช. แต่งตั้งข้าราชการ สทนช. เป็นกรรมการและเลขานุการ และผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมการลุ่มน้ำ ปฏิบัติงานเพื่อให้การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำบรรลุเป้าหมายตาม (ร่าง) แผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี (พ.ศ.2561-2580) และให้การดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการลุ่มน้ำ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารทรัพยากรน้ำแห่งชาติ พ.ศ. 2561 เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ที่ผ่านมา สทนช. ได้ประชุมร่วมกับกรมทรัพยากรน้ำ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงาน ก.พ. และ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ในการพิจารณาตัดโอนภารกิจและอัตรากำลัง หลายครั้ง และครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2561 โดยมีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เห็นชอบให้ตัดโอน ภารกิจบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจัดการลุ่มน้ำและภารกิจบางส่วนของสำนักงานทรัพยากรน้ำภาค 1-11 ในการกำกับดูแลของกรมทรัพยากรน้ำไปเป็นของ สทนช. เพื่อให้การบริหารจัดการนโยบายด้านทรัพยากรน้ำของประเทศ การบริหารจัดการลุ่มน้ำและคณะกรรมการลุ่มน้ำ การขับเคลื่อนนโยบายและแผนระดับชาติ และการถ่ายทอดแผนไปสู่หน่วยงานปฏิบัติที่เกี่ยวข้องเป็นไปในทิศทางเดียวกันและมีเอกภาพ ปัจจุบัน สทนช. อยู่ในระหว่างเร่งดำเนินการจัดตั้งโครงสร้าง สทนช.ภาคร่วมกับสำนักงาน ก.พ.ร. และ สำนักงาน ก.พ. ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ซึ่ง สทนช.ภาค จะทำหน้าที่เป็นสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการลุ่มน้ำ โดยให้มีหน้าที่และอำนาจรับผิดชอบงานธุรการของคณะกรรมการลุ่มน้ำ ศึกษา วิเคราะห์ วิจัย เกี่ยวกับทรัพยากรน้ำเพื่อใช้ประกอบการพิจารณาจัดทำแผนแม่บททรัพยากรน้ำในเขตลุ่มน้ำ ประสานงานกับหน่วยงานของรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และองค์กรผู้ใช้น้ำในการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวกับการใช้ การพัฒนา การบริหารจัดการ การบำรุงรักษา การฟื้นฟู และการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ และกฎหมายที่เกี่ยวกับการควบคุมมลพิษทางน้ำในเขตลุ่มน้ำ โดยสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติภาค หรือ สทนช.ภาค จะรับผิดชอบตามพื้นที่ในเขตลุ่มน้ำของคณะกรรมการลุ่มน้ำ ทั้ง 25 ลุ่มน้ำที่กำหนดในปัจจุบัน