ม็อบประมง 22 จว. เคลื่อนพล 300 คน บุกทำเนียบ พรุ่งนี้ กดดัน รัฐบาลช่วยซื้อเรือประมง หวังนำเงินไปใช้บั้นปลายชีวิต ลั่นขอสู้ตาย หลังรัฐไม่เหลียวแล ปล่อยเข้าตาจนเดือดร้อนกว่า 4-5 ปีแล้ว พร้อมมีกระแสข่าวจ่อเด้งอธิบดีกรมประมง ทำแผนเยียวยาประมงล่าช้า
วันนี้ (4 ก.พ.62) นายบุญธรรม เจริญกล้า นายกสมาคมชาวประมงอำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี ทำหนังสือถึงพลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรีซึ่งดูแลงานด้านการประมง และนายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประธานคณะอนุกรรมการกลั่นกรองการนำเรือประมงออกนอกระบบ เพื่อจัดการทรัพยากรประมงทะเลอย่างยั่งยืน โดยเรียกร้องให้รัฐจ่ายเงินค่าชดเชยหรือซื้อเรือประมงที่ไม่สามารถออกทำประมงได้ตั้งแต่วันที่ 31 กรกฏาคม 58 จากนโยบายลดปริมาณเรือประมงให้เหมาะสมกับขนาดน่านน้ำ
นายบุญธรรม กล่าวว่า เจ้าของเรือประมงที่ถูกตรึงพังงา และกรมเจ้าท่านำสีขาว-แดงมาทาไว้ เป็นสัญลักษณ์เป็นเรือที่ไม่อนุญาตให้ทำประมงอีกต่อไปใน 22 จังหวัดชายทะเล กำลังเดือดร้อนหนักจากการที่รัฐเลื่อนการจ่ายเงินชดเชยมาหลายครั้ง จึงจะรวมตัวกันมาชุมนุมเรียกร้องหน้ากระทรวงเกษตรฯ และสหกรณ์ในเย็นวันนี้ (4 ก.พ. 62) เพื่อยื่นหนังสือถึงรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการเกษตรฯ ให้จ่ายค่าชดเชยโดยด่วนเพื่อให้ชาวประมงนำเงินไปจุนเจือครอบครัวและประกอบอาชีพอื่น ทั้งนี้จะมีผู้มาชุมนุมไม่ต่ำกว่า 300 คน โดยหวังว่าจะนำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุมครม. วันอังคารที่ 5 ก.พ.62 ซึ่งหากยังไม่นำเข้าสู่วาระการประชุมครม. ในสัปดาห์นี้ การชุมนุมจะยืดเยื้อแน่นอน
นายกสมาคมชาวประมงอำเภอท่าใหม่ กล่าวว่า เจ้าของเรือประมงยอมรับการประเมินมูลค่าเรือตามสภาพเรือ ซึ่งคณะทำงานฯ ประเมินมาเหลือร้อยละ 50 คือประมาณตันกรอสละ 4 หมื่นกว่าบาท โดยจำนวนเรือที่ต้องได้รับค่าชดเชยจากภาครัฐมี 489 ลำ มูลค่า 600 ล้านบาท ยืนยันว่า เรือทั้งหมดเป็นเรือที่ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ใช่เรือเถื่อนหรือเป็นเรือติดคดี โดยบางส่วนเปลี่ยนประเภทจากเรือประมงไปบรรทุกสินค้าหรือเรือท่องเที่ยว โดยชาวประมงกังวลว่า หากเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ จากที่ตรวจสภาพเรือไปครบทั้ง 22 จังหวัดชายทะเลเพื่อประเมินราคาเรียบร้อยแล้วจะต้องกลับไปเริ่มต้นใหม่ หรือรัฐบาลต่อไปอาจไม่ดำเนินการต่อ จึงต้องการมาทวงสัญญาจากภาครัฐ ถ้าไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน จะไม่ยอมกลับจะขอสู้ตาย ซึ่งรายที่เลิกอาชีพก็หวังเงินก้อนนี้ไปใช้บั้นปลายชีวิต ถ้าครม.ไม่อนุมัติจะไม่กลับบ้าน พวกเราเข้าตาจนทนไม่ไหวเพราะเดือดร้อนมากว่า4-5ปีแล้ว
ขณะที่ นายกฤษฏา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้สั่งการด่วนที่สุดให้ อธิบดีกรมประมง เร่งชี้แจงทำความเข้าใจกับกลุ่มชาวประมงในพื้นที่ผ่านสมาคมหรือองค์กรหรือกลุ่มชาวประมงในพื้นที่ให้กว้างขวางด้วยรวมทั้งให้ประสานคณะกรรมการพัฒนาเกษตรและสหกรณ์จังหวัดให้เรียน ผู้ว่าราชการ รองผู้ว่าราชการ ทราบเพื่อขอความร่วมมือ นายอำเภอในพื้นที่ร่วมชี้แจงด้วยทั้งให้เน้นย้ำกับชาวประมงอย่าเชื่อข่าวลือต่างๆ หากมีข้อสงสัยให้สอบถามข้าราชการ หน่วยงานกรมประมงในพื้นที่ได้ทุกแห่งด้วย ซึ่งยืนยันว่าการพิจารณาจ่ายเยียวเรือประมงออกนอกระบบ วางหลักเกณฑ์ชดเชยทั้งหมดและจะเร่งรัดนำเสนอครม. ภายในเดือนนี้
รายงานข่าวกระทรวงเกษตรฯ เปิดเผยว่า มีกระแสข่าวว่านายกฤษฏา ไม่พอใจนายอดิศร พร้อมเทพ อธิบดีกรมประมง อย่างมากอาจมีการโยกย้ายไปตำแหน่งอื่น เนื่องจากที่ผ่านมาไม่เร่งวางหลักเกณฑ์ชดเชยเจ้าของเรือประมง ที่ต้องหยุดการทำประมง บางรายเลิกอาชีพไปเลย เพราะผลกระทบจากมาตรการไอยูยู และได้เรียกร้องให้รัฐ เข้าช่วยเหลือมาตลอดจากที่ประสบความเดือดร้อนมาตั้งแต่ปี 58 อีกทั้งการทำแผนช่วยเหลือให้รัฐซื้อเรือคืน ไม่ได้จัดทำเป็นกลุ่มเรือให้ชัดเจน ว่ากลุ่มไหนได้รับเงินก่อนหลัง แต่กลับเสนอแผนมาอย่างคลุมเครือ โดยไม่ได้จำแนกเรือไม้ เรือเหล็ก เป็นเหตุทำให้เกิดความล่าช้าในการพิจารณาช่วยเหลือ โดยต้องมาพิสูจน์การมีอยู่จริงของเรือ เพื่อประเมินราคาตามสภาพจริงของเรือทุกลำที่เข้าโครงการ
นายบุญธรรม กล่าวว่า เจ้าของเรือประมงที่ถูกตรึงพังงา และกรมเจ้าท่านำสีขาว-แดงมาทาไว้ เป็นสัญลักษณ์เป็นเรือที่ไม่อนุญาตให้ทำประมงอีกต่อไปใน 22 จังหวัดชายทะเล กำลังเดือดร้อนหนักจากการที่รัฐเลื่อนการจ่ายเงินชดเชยมาหลายครั้ง จึงจะรวมตัวกันมาชุมนุมเรียกร้องหน้ากระทรวงเกษตรฯ และสหกรณ์ในเย็นวันนี้ (4 ก.พ. 62) เพื่อยื่นหนังสือถึงรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการเกษตรฯ ให้จ่ายค่าชดเชยโดยด่วนเพื่อให้ชาวประมงนำเงินไปจุนเจือครอบครัวและประกอบอาชีพอื่น ทั้งนี้จะมีผู้มาชุมนุมไม่ต่ำกว่า 300 คน โดยหวังว่าจะนำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุมครม. วันอังคารที่ 5 ก.พ.62 ซึ่งหากยังไม่นำเข้าสู่วาระการประชุมครม. ในสัปดาห์นี้ การชุมนุมจะยืดเยื้อแน่นอน
นายกสมาคมชาวประมงอำเภอท่าใหม่ กล่าวว่า เจ้าของเรือประมงยอมรับการประเมินมูลค่าเรือตามสภาพเรือ ซึ่งคณะทำงานฯ ประเมินมาเหลือร้อยละ 50 คือประมาณตันกรอสละ 4 หมื่นกว่าบาท โดยจำนวนเรือที่ต้องได้รับค่าชดเชยจากภาครัฐมี 489 ลำ มูลค่า 600 ล้านบาท ยืนยันว่า เรือทั้งหมดเป็นเรือที่ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ใช่เรือเถื่อนหรือเป็นเรือติดคดี โดยบางส่วนเปลี่ยนประเภทจากเรือประมงไปบรรทุกสินค้าหรือเรือท่องเที่ยว โดยชาวประมงกังวลว่า หากเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ จากที่ตรวจสภาพเรือไปครบทั้ง 22 จังหวัดชายทะเลเพื่อประเมินราคาเรียบร้อยแล้วจะต้องกลับไปเริ่มต้นใหม่ หรือรัฐบาลต่อไปอาจไม่ดำเนินการต่อ จึงต้องการมาทวงสัญญาจากภาครัฐ ถ้าไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน จะไม่ยอมกลับจะขอสู้ตาย ซึ่งรายที่เลิกอาชีพก็หวังเงินก้อนนี้ไปใช้บั้นปลายชีวิต ถ้าครม.ไม่อนุมัติจะไม่กลับบ้าน พวกเราเข้าตาจนทนไม่ไหวเพราะเดือดร้อนมากว่า4-5ปีแล้ว
ขณะที่ นายกฤษฏา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้สั่งการด่วนที่สุดให้ อธิบดีกรมประมง เร่งชี้แจงทำความเข้าใจกับกลุ่มชาวประมงในพื้นที่ผ่านสมาคมหรือองค์กรหรือกลุ่มชาวประมงในพื้นที่ให้กว้างขวางด้วยรวมทั้งให้ประสานคณะกรรมการพัฒนาเกษตรและสหกรณ์จังหวัดให้เรียน ผู้ว่าราชการ รองผู้ว่าราชการ ทราบเพื่อขอความร่วมมือ นายอำเภอในพื้นที่ร่วมชี้แจงด้วยทั้งให้เน้นย้ำกับชาวประมงอย่าเชื่อข่าวลือต่างๆ หากมีข้อสงสัยให้สอบถามข้าราชการ หน่วยงานกรมประมงในพื้นที่ได้ทุกแห่งด้วย ซึ่งยืนยันว่าการพิจารณาจ่ายเยียวเรือประมงออกนอกระบบ วางหลักเกณฑ์ชดเชยทั้งหมดและจะเร่งรัดนำเสนอครม. ภายในเดือนนี้
รายงานข่าวกระทรวงเกษตรฯ เปิดเผยว่า มีกระแสข่าวว่านายกฤษฏา ไม่พอใจนายอดิศร พร้อมเทพ อธิบดีกรมประมง อย่างมากอาจมีการโยกย้ายไปตำแหน่งอื่น เนื่องจากที่ผ่านมาไม่เร่งวางหลักเกณฑ์ชดเชยเจ้าของเรือประมง ที่ต้องหยุดการทำประมง บางรายเลิกอาชีพไปเลย เพราะผลกระทบจากมาตรการไอยูยู และได้เรียกร้องให้รัฐ เข้าช่วยเหลือมาตลอดจากที่ประสบความเดือดร้อนมาตั้งแต่ปี 58 อีกทั้งการทำแผนช่วยเหลือให้รัฐซื้อเรือคืน ไม่ได้จัดทำเป็นกลุ่มเรือให้ชัดเจน ว่ากลุ่มไหนได้รับเงินก่อนหลัง แต่กลับเสนอแผนมาอย่างคลุมเครือ โดยไม่ได้จำแนกเรือไม้ เรือเหล็ก เป็นเหตุทำให้เกิดความล่าช้าในการพิจารณาช่วยเหลือ โดยต้องมาพิสูจน์การมีอยู่จริงของเรือ เพื่อประเมินราคาตามสภาพจริงของเรือทุกลำที่เข้าโครงการ