นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวถึง แนวทางการรับมือปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ในด้านการท่องเที่ยว ว่า โดยภาพรวมของการรายงานข่าวจากสำนักข่าวต่างประเทศ เช่นสำนักงานจากนิวยอร์ค และลอนดอน ถึงสถานการณ์ฝุ่นที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ครั้งนี้ยังไม่มีการรายงานการยกเลิกการเดินทางของนักท่องเที่ยวประเภทกลุ่มขนาดใหญ่ และสถานการณ์การจองตั๋วเครื่องบินยังอยู่ในสภาวะปกติ อีกทั้งนักท่องเที่ยวในตลาดดังกล่าว นิยมเดินทางท่องเที่ยวในจังหวัดภาคใต้ ซึ่งไม่ประสบปัญหาฝุ่นควัน ทั้งนี้ ทาง ททท.ยังมอบหมายให้กองประชาสัมพันธ์ต่างประเทศจัดทำรายงานสถานการณ์ฝุ่นในแต่ละวัน และมาตรการการแก้ไขปัญหาดังดล่าวของรัฐบาล ไปยัง สำนักงานททท.ในต่างประเทศ โดยทาง ททท.พร้อมที่จะปฏิบัติตามมาตรการที่รัฐบาลสั่งการ และสื่อสารไปยังนักท่องเที่ยวให้ทั่วถึง และกว้างขวางมากที่สุด พร้อมกันนี้ได้ขอความร่วมมือกับทางสมาคมผู้ประกอบการรถขนส่งในการลดฝุ่นพิษ โดยการตรวจสภาพเครื่องยนต์ และดับเครื่องทุกครั้งที่จอดรถนักท่องเที่ยว ทั้งในสนามบิน และแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งทางสมาคมฯ ยังรับไปเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ต่อยังสมาชิกของสมาคมฯ ให้ดำเนินการทันที ซึ่ง นายยุทธศักดิ์ ยังกล่าวต่อว่า จากการเผยแพร่ข่าวปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ที่ผ่านมา เนื่องจากไม่มีองค์กรที่เป็นศูนย์กลางในการให้ข้อมูล จึงทำให้ข่าวสารที่ออกมาไม่ได้ไปในทิศทางเดียว อีกทั้งบางข่าวยังเป็นผลด้านลบต่อประเทศ ดังนั้นขอเสนอแนะให้มีองค์รที่ตั้งขึ้นมาเป็นหน่วยงานเฉพาะกิจรับผิดชอบเผยแพร่ข่าวสาร เพื่อให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ คลี่คลายไปด้วยดี เช่น กรณีของหมูป่า เด็กติดถ้ำหลวง จังหวัดเชียงราย เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ไม่กระทบด้านการท่องเที่ยว ดังนั้นเป้าหมายการท่องเที่ยวในปี 2562 จึงยังคงตัวเลขเดิม สำหรับตลาดต่างประเทศด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 40.6 ล้านคน สร้างรายได้2.2 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2561 ประมาณ 10% ส่วนตลาดภายในประเทศ เพิ่มขึ้น 10% ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวประมาณ 178 ล้านคน/ครั้ง สร้างรายได้ประมาณ 1.2 ล้านล้านบาท