ดนตรี /ทิวา สาระจูฑะ อายุ 66 ปีถือว่าไม่มากนักสำหรับคนทั่วไป ถ้าสติปัญญายังแจ่มใส ร่างกายแข็งแรงพอ ยังทำอะไรได้อีกมาก และยิ่งน่าเสียดาย เมื่อรู้ว่าคนมากความสามารถอย่าง เจมส์ อิงแกรม ต้องอำลาโลกไปในวัยนี้ เมื่อวันอังคารที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2562 ที่เพิ่งผ่านมา เด็บบี้ แอลเลน นักแสดงและครีเอทีฟผู้เป็นเพื่อนสนิทของ อิงแกรม เขียนข้อความทางทวิตเตอร์ถึงการจากไปของเขา กลายเป็นสารตั้งต้นให้นั้นสื่อใหญ่ต่างๆนำไปขยายเป็นข่าวสู่คนทั้งโลก ในทวิตเตอร์ของ แอลเลน และทางครอบครัวของ อิงแกรม ยังไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับการตายของเขา (ขณะเขียนต้นฉบับนี้) แต่สื่อดังอย่าง เอนเทอร์เทนเมนท์ และ ทีเอ็มซี ก็คาดหมายว่า น่าจะมาจากโรคในสมองที่เคยมีข่าวว่า อิงแกรม ต้องเผชิญ ไม่แน่ใจว่าจะเป็นมะเร็งหรือเยื่อหุ้มสมองอักเสบ อิงแกรม เกิดในโอไฮโอเมื่อปี 1952 ต่อมาโยกย้ายสู่ลอส แอนเจลีส และเริ่มอาชีพดนตรีกับวง รีเวเลชั่น ฟั้งค์ ครั้งหนึ่งเขายังเคยเล่นคีย์บอร์ดให้ เรย์ ชาร์ลส์ ก่อนจะเริ่มเส้นทางศิลปินเดี่ยวของตนเอง โดยได้รับการสนับสนุนจาก ควินซี่ โจนส์ โปรดิวเซอร์ยิ่งใหญ่ในวงการ เขาได้ร้อง 2 เพลงในอัลบั้ม The Dude เมื่อปี 1981 ของ โจนส์ หนึ่งคือ “One Hundred Ways” ที่ทำให้เขาได้รางวัล แกรมมี่ และยังเข้าชิงสาขาศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยมด้วย ส่วนอีกหนึ่งคือ “Just Once” เพลงฮิทติดอันดับท็อป 20 เขามาได้รางวัล แกรมมี่ อีกครั้งในปี 1984 จากการร้องคู่กับ ไมเคิล แม็คโดนัลด์ ในเพลง "Yah Mo B There" แต่ 1 ปีก่อนหน้านั้น อิงแกรม ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล ออสการ์ สาขาเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม จากการร้องคู่กับ แพ็ตตี้ ออสติน ใน "How Do You Keep the Music Playing" แสดงให้เห็นว่า เขาไปร่วมงานกับใครมักจะได้ผลดี ดังนั้นจึงมีเพลงที่ อิงแกรม ไปร่วมร้องกับศิลปินอื่นอยู่จำนวนหนึ่ง เจมส์ อิงแกรม ได้รับยกย่องว่าเป็นหนึ่งในเสียงร้องดีที่สุดของแนวเพลงริธึ่ม แอนด์ บลูส์ อิงแกรม มีเพลงฮิทติดอันดับบนตารางเพลงป็อปและตารางอันดับเพลงริธึ่ม แอนด์ บลูส์มากมาย รวมถึงเพลงอันดับ 1 สองเพลง คือ "Baby Come to Me" ร้องคู่กับ แพ็ตตี้ ออสติน (1983) และ "I Don't Have the Heart" (1990) เพลงที่ร่วมร้องกับ ลินดา รอนสตัดท์ - "Somewhere Out There" ประกอบหนังเรื่อง An American Tail ก็ติดอันดับ 2 และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงทั้ง แกรมมี่, ออสการ์ และลูกโลกทองคำ เขายังเป็นหนึ่งในศิลปินที่ร่วมร้องเพลงประวัติศาสตร์ “We are the World” เมื่อปี 1985 แต่ อิงแกรม ไม่ได้มีความสามารถแค่การร้องเท่านั้น เขามีความสามารถเป็นที่ยอมรับในการแต่งเพลงด้วย หลักฐานก็คือ อิงแกรม ร่วมกับ โจนส์ แต่งเพลง “(P.Y.T.) Pretty Young Things” ในอัลบั้มประวัติศาสตร์ของ ไมเคิล แจ็คสัน และเพลงนี้ก็กลายเป็นเพลงฮิทติดท็อป 10 นอกจากนี้ก็แต่งเพลงให้ศิลปินดังอื่นๆ เช่น พอยน์เตอร์ ซิสเตอร์ส, จอร์จ เบนสัน, เรย์ ชาร์ลส์, ชามาล่าร์ ฯลฯ ยิ่งกว่านั้นเขายังถูกเสนอชื่อเข้าชิง ลูกโลกทองคำ ติดๆกัน 2 ครั้ง ในปี 1993 และ 1994 จากการร่วมแต่งเพลง "The Day I Fall in Love" และร้องคู่กับ ดอลลี่ พาร์ตัน จากหนัง Beethoven's 2nd และ "Look What Love Has Done" จากหนัง Junior ตามลำดับ และยังมีเพลงประกอบภาพยนตร์อีกนับสิบที่เขาร้องหรือร่วมร้อง ถือว่าเป็นศิลปินที่ถูกโฉลกกับการร้องเพลงประกอบภาพยนตร์มากที่สุดคนหนึ่ง แต่นับจากวันนี้ ผู้ฟังก็จะได้พบ เจมส์ อิงแกรม ผ่านผลงานชั้นเยี่ยมที่เขาทิ้งไว้เท่านั้น