เป็นเวลากว่า 3 ปีครึ่ง หลังจากที่ ดร.สมชอบ นิติพจน์ นายก อบจ.นครพนม ถูกคำสั่ง คสช.ได้มีคำสั่งให้ตรวจสอบ พักงาน ตามมาตรา 44 ตั้งแต่ปี 2558 จนกระทั่งล่าสุดพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช.ได้ลงนามคำสั่งคืนตำแหน่งนายกอบจ.นครพนม เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2562 และทางกระทรวงมหาดไทยได้ ลงนามให้ เข้ารับตำแหน่ง ตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม 2562 ซึ่งทันทีที่ได้คืนตำแหน่ง ดร.สมชอบ นิติพจน์ นายก อบจ.นครพนม บอกว่า ในการรับตำแหน่งครั้งนี้ ถือเป็นความเมตตาของ คสช.หลังมีการตรวจสอบแล้ว ไม่มีความผิด ถือเป็นเรื่องดีที่จะให้โอกาสในการเดินหน้าพัฒนาบ้านเมืองหลังมีการ พักงานนานกว่า 3 ปี หลังจากนี้จะได้เดินหน้าทำงานต่อเนื่อง เพื่อชดเชยกับเวลาที่สูญเสียไป ให้ชาวบ้านได้รับการพัฒนาทั่วถึง โดยประเดิมงานแรกหลังจากได้รับการปลดล็อค ดร.สมชอบ นิติพจน์ นายก อบจ.นครพนม ได้ไปเป็นประธานในพิธีเปิดการอบรมโครงการเสริมสร้างพลเมืองดี ตามวิถีประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม ประจำปี 2562 ครั้งที่ 2ที่โรงเรียนนาแกพิทยาคม อ.นาแก จ.นครพนม ซึ่งงานดังกล่าวเป็นความร่วมมือระหว่าง อบจ.นครพนม ร่วมกับโรงเรียนนาแกพิทยาคม อ.นาแก และ สำนักงานคณะกรรมการเลือกตั้ง เพื่อเป็นการส่งเสริมสนับสนุนให้ความรู้ ปลูกจิตสำนัก ให้ลูกหลานเยาวชน ได้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิหน้าที่ เสรีภาพ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 ตลอดจนมีความเข้าใจ เกี่ยวกับระบอบประชาธิปไตย ไปจนถึงการเลือกตั้ง ตามระบอบประชาธิปไตย และยังเป็นการรณรงค์เชิญชวนให้เยาวชน ที่มีสิทธิในการเลือกตั้ง ได้เห็นความสำคัญในการใช้สิทธิ์เลือกตั้ง สร้างความปรองดองในสังคม รวมถึงความรักหวงแหน ในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ตามระบอบประชาธิปไตย โดยมีการคัดเลือกนำตัวแทนเยาวชน ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายเข้าร่วมโครงการ จำนวน 250 คน ซึ่งจะได้รับฟังบรรยายทำความเข้าใจจากเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง รวมถึงวิทยากรพิเศษ จากสำนักงานคณะการรมการการเลือกตั้ง จ.นครพนม มี ผู้บริหาร อบจ.นครพนม เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง รวมถึง ข้าราชการครู และผู้นำชุมชนท้องถิ่น เข้าร่วม แต่การกลับมาทำหน้าที่นายกอบจนครพนม ของ ดร.สมชอบ นิติพจน์ ในครั้งนี้อาจไม่ได้ราบรื่นมากนัก เมื่อเจอกับกระแสข่าวต่างๆมากมาย โดยเฉพาะเมื่อมีการเปิดตัวสนับสนุนพรรคพลังประชารัฐ ทำให้มีข่าวว่าจะมีการปลดรองนายก อบจ.นครพนม ทั้ง 2 คน ลงจากตำแหน่ง เพื่อตัดขั้วการเมืองคู่แข่งของพรรคพลังประชารัฐ เนื่องจาก นางสุจินดา ศรีวรขาน รองนายกคนที่ 1 เป็นภรรยาของ ดร.ไพจิต ศรีวรขาน อดีต ส.ส.นครพนม แชมป์ตลอดกาล และยังเป็นแกนนำ ส.ส.อีสาน พรรคเพื่อไทย รวมถึงเป็นว่าที่ผู้สมัคร พรรคเพื่อไทย เขต 3 นครพนม ส่วนอีกคน คือ นางพูนสุข โพธิ์สุ รองนายก อบจ.นครพนม เป็นภรรยา ของ นายศุภชัย โพธิ์สุ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และยังเป็นแกนนำของพรรคภูมิใจไทย และเปิดตัวเตรียมพร้อมจะลงสมัคร ส.ส.พรรคภูมิใจไทย เขต 1 นครพนม โดยทั้ง 2 ตำแหน่ง มาจากขั้วการเมืองคนละขั้ว เพราะเดิมเคยทำงานร่วมกันมา ทำให้ มีกระแสข่าวที่จะปลดรองนายก หลังเปิดตัวสนับสนุน พรรคพลังประชารัฐ เพื่อหวังชิงคะแนนนิยม กวาดเก้าอี้ ส.ส. นครพนม ให้มากที่สุด ซึ่งเรื่องดังกล่าวนางสุจินดา ศรีวรขาน รองนายกคนที่ 1 เป็นภรรยาของ ดร.ไพจิต ศรีวรขาน รวมถึง นางพูนสุข โพธิ์สุ รองนายก อบจ.นครพนม เป็นภรรยา ของ นายศุภชัยโพธิ์สุ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ออกมาเปิดเผยว่า ดร.สมชอบ นิติพจน์ นายบก อบจ.นครพนม มีการร่อนหนังสือส่วนตัว แต่ไม่ได้ทำเป็นหนังสือราชการ ไปถึงทั้ง 2 คน โดยมีเนื้อหาว่า ตามที่เคยได้ตกลงกัน เกี่ยวกับวาระการทำงาน ก่อนที่จะมารับตำแหน่ง ได้ครบวาระตามข้อตกลง และจะต้องถึงเวลาพ้นจากตำแหน่ง และยังมีการระบุข้อความคล้ายกันทั้ง 2 ฉบับว่า หากสถานการณ์บ้านเมือง ปกติ อนาคตยังจะร่วมกันกันอีกครั้ง ด้วยความรักและเคารพ พร้อมลงลายมือชื่อ เป็นลายเซ็นกำกับ ลงวันที่ 28 มกราคม 2562 แต่ทางด้าน รองนายกทั้ง 2 คน ได้ยืนยันว่า จะไม่ลาออกจากตำแหน่ง เพราะไม่เคยมีการตกลงเกี่ยวกับวาระในการรับตำแหน่ง และไม่มีเหตุผลที่จะลาออก ยังพร้อมที่จะทำงานเพื่อพัฒนาบ้านเมืองต่อเนื่อง แต่หากนายก อบจ.นครพนม จะใช้อำนาจหน้าที่ในการสั่งปลด ก็ขอให้เป็นไปตามขั้นตอน ส่วนอีกเรื่องที่ร้อนแรงไม่แพ้กันคือ กรณีที่ ดร.สมชอบ นิติพจน์ นายกอบจ.นครพนม และนายกอบจ.อีก 4 จังหวัด ได้ขึ้นเวทีหาเสียงของพรรคการเมือง จนมีการร้องเรียนให้กกต.ตรวจสอบว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ ซึ่งเรื่องดังกล่าวนายสมพล พงษ์พิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการเลือกตั้ง ประจำจังหวัดนครพนม บอกว่า แนวทางการหาเสียงเลือกตั้ง รวมถึงการสนับสนุนการหาเสียงเลือกตั้งน ทั้งว่าที่ผู้สมัคร รวมถึง ข้าราชการ นักการเมืองท้องถิ่น ต้องทำความเข้าใจ เนื่องจากปัจจุบัน อาจมีการเข้าใจผิด หรือไม่รู้เกี่ยวกับข้อกฎหมาย เนื่องจากในกฎหมายบอกไว้ชัดเจนว่าเจ้าหน้าที่รัฐ ข้าราชการ นักการเมือง ท้องถิ่น ต้องไม่ใช้ตำแหน่ง อำนาจหน้าที่ กระทำการใดอันเป็นคุณเป็นโทษ กับพรรคการเมือง รวมถึงว่าที่ผู้สมัครต้องวางตัวเป็นกลาง หากมีการ ขึ้นเวที หรือกระทำการใด ในการช่วยว่าที่ผู้สมัคร หาเสียง ถือว่าเข้าข่ายผิดกฎหมาย ซึ่งนอกจากกฎหมายเลือกตั้ง ยังมี มติคณะรัฐมนตรี ปี 2539 ที่ออกระเบียบไว้ ในเรื่องกำชับให้วางตัวเป็นกลาง "สำหรับ กรณี นายก อบจ.นครพนม รวมถึง ส.อบจ. ที่มีข้อมูลว่า มีการขึ้นเวทีสนับสนุนพรรคการเมืองในการหาเสียง ทาง กกต.กำลังรวบรวมหลักฐาน สืบสวนข้อเท็จจริง เพื่อสรุปส่ง กกต.กลาง เนื่องจากมีการกระทำที่เข้าข่ายความผิด ในการวางตัวเป็นกลาง ตาม พ.ร.บ.ข้าราชการพลเรือน 2551 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2561 รวมถึงคำสั่งกระทรวงมหาดไทย ที่ออกไว้ ในการวางตัวเป็นกลาง และจะมีการเสนอ กกต.กลางพิจารณาต่อไป ยืนยันว่า กกต.เป็นหน่วยงานอิสระ ไม่ขึ้นตรงกับใคร ยืนยันทำงานตรงไปตรงมา" ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการเลือกตั้ง ประจำจังหวัดนครพนม กล่าว คงต้องติดตามดูว่าเส้นทางสายการเมืองของ ดร.สมชอบ นิติพจน์ นายกอบจ.นครพนม จะเจอปัญหาและอุปสรรคอีกรอบหรือไม่ หลังจากฝ่าด่าน ม.44 มาได้แล้ว