บมจ.เจ้าพระยามหานคร (CMC) ชูจุดเด่นหุ้นอสังหาไซส์เล็ก โตแรง ปันผลสูง เปิดเกมส์รุกบุก Campus Condo เจาะตลาดบลูโอเชียน พร้อมเปิด 5 โครงการใหม่กว่า 4 พันล้านบาทในครึ่งปีแรก และอีก 4 โครงการมูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาทในครึ่งปีหลัง นพ.วิเชียร แพทยานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เจ้าพระยามหานคร (CMC)เปิดเผยว่า CMC เป็นหุ้นอสังหาไซส์เล็กที่โตแรง ปันผลสูง โดยบริษัทฯได้ปรับแผนธุรกิจเพื่อรองรับกับสภาพเศรษฐกิจและตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบัน และเตรียมเปิดตัวแบรนด์คอนโดใหม่พร้อมกัน 3 แบรนด์ภายในครึ่งปีแรก มูลค่ารวมกว่า 4,000 ล้านบาทได้แก่ CUVEE,CLEV และ CYBIQ พร้อมการออกแบบภายใต้แนวคิดใหม่ทั้งหมด เพื่อให้ตอบโจทย์และสะท้อนไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ได้ชัดเจนขึ้น แต่ยังคงเน้นการพัฒนาโครงการที่สมบูรณ์แบบ คุ้มค่าในทำเลที่โดดเด่น ทั้งนี้มีแผนเปิดกลยุทธ์ใหม่ Campus Condo ในทำเลใกล้กับมหาวิทยาลัยขนาดใหญ่ คือ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (ABAC),สถาบันราชภัฏจันทรเกษม และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เจาะกลุ่มเป้าหมายนักลงทุนเพื่อปล่อยเช่าให้กับนักศึกษาและกลุ่มครอบครัวนักศึกษา ซึ่งบริษัทมั่นใจในแผนธุรกิจดังกล่าวจะทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทเติบโตได้ตามเป้าหมาย และสร้างผลตอบแทนในรูปเงินปันผลที่คุ้มค่าให้แก่นักลงทุนได้อย่างแน่นอน สำหรับในครึ่งปีแรกของปี 2562 บริษัทมีแผนเตรียมเปิดตัว 5 โครงการใหม่ มูลค่ารวมมากกว่า 4,000 ล้านบาทได้แก่ 1.CLEV วงศ์สว่าง เป็นโครงการ high rise 615 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,600 ล้านบาท 2. CUVEE ติวานนท์ โครงการ high rise 422 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท เป็นโครงการที่ให้ความสำคัญกับสมาร์ทเทคโนโลยี และดิจิตอลไลฟ์สไตล์ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั้งด้านความสะดวกสบายและทันสมัย ตั้งแต่การมี video door phone, digital door lock, keyless lifestyle เป็นต้น และยังเป็นโครงการที่ได้รับรางวัลสถาปัตยกรรมยอดเยี่ยมและการตกแต่งภายในยอดเยี่ยมระดับประเทศ และรางวัลการออกแบบสถาปัตยกรรมยอดเยี่ยมในระดับเอเชีย 3.CYBIQ รามคำแหงแคมปัส โครงการ low rise 126 ยูนิตมูลค่าโครงการ 270 ล้านบาท จุดเด่นคือ ทำเลใกล้มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ(ABAC) และมหาวิทยาลัยรามคำแหง 4.CYBIQ รัชดา-จันทรเกษมแคมปัส โครงการ low rise 329 ยูนิต มูลค่าโครงการ 600 ล้านบาท ตั้งอยู่ใกล้กับสถาบันราชภัฏจันทรเกษม Campus Condo ทั้ง 2 โครงการมีคอนเซ็ปต์ เพื่อจับกลุ่มผู้อยู่อาศัยที่เป็นนักศึกษา และกลุ่มนักลงทุนเพื่อปล่อยเช่าให้แก่นักศึกษา 5.โครงการทาวน์โฮม Kasa Deva มูลค่าโครงการรวม 80 ล้านบาท เน้นเจาะกลุ่มฐานลูกค้าเดิมของบริษัทฯที่มีความต้องการ ทาวน์โฮม หรือ โฮมออฟฟิซ โดย CMC ตั้งเป้าผลประกอบการปีนี้เติบโต 50% มาจากการรับรู้รายได้ของโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่ 2,200 ล้านบาท โครงการใหม่ที่พร้อมจะโอนได้ภายในปีนี้อีก 500 ล้านบาท และรายได้จากงานรับเหมาก่อสร้างและอื่นๆ ภายใต้บริษัทย่อย 300 ล้านบาท ซึ่งบริษัทเตรียมออกแคมเปญการตลาดเพื่อจูงใจและกระตุ้นการขายต่อเนื่องตลอดทั้งปี และเร่งเพิ่มช่องทางการจำหน่ายผ่านกลุ่มเอเย่นต์มากขึ้น ทั้งเอเย่นต์องค์กร และเอเย่นต์อิสระ คาดว่าจะทำให้ยอดขายและรายได้ในปีนี้สามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายอย่างแน่นอน ขณะที่บริษัทมีภาระหนี้สินลดลงจากการชำระคืนเงินกู้บางส่วนจากเงินที่ระดมทุนได้ ทำให้ในปีนี้บริษัทจะสามารถลดต้นทุนทางการเงินลงได้อย่างมีนัยสำคัญ ล่าสุดอัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุน (IBD/E) ลดลงเหลือเพียง 0.9 เท่า นอกจากนี้บริษัทยังมีอีก 4 โครงการใน pipeline ที่พร้อมเปิดตัวในครึ่งปีหลัง มูลค่าประมาณ 5,000 ล้านบาทโดยขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อม และคาดว่าจะเปิดขายได้ภายในปีนี้ อีกทั้งยังมีแผนรุกธุรกิจให้บริการงานรับเหมาก่อสร้างภายใต้การบริหารงานของบริษัทลูก เน้นเข้าร่วมประมูลงานจากภาครัฐ ตั้งเป้าภายในปีนี้จะรับงานได้ไม่น้อย 1,000 ล้านบาท ปัจจุบันมีงานในมือแล้ว 200 ล้านบาท “CMC ประสบความสำเร็จในการพัฒนาโครงการที่พักอาศัยมากว่า 24 ปี มีการดำเนินการที่ครบวงจรครอบคลุมถึงงานก่อสร้าง การผลิตวัสดุและอุปกรณ์ก่อสร้างต่างๆ อาทิ แผ่นอาคารสำเร็จรูปภายนอก เฟรมกระจกและประตูอลูมิเนียม และผนัง EPS ที่ใช้ภายในอาคาร การผลิตเฟอร์นิเจอร์บิลท์อิน และการให้เช่าเครื่องจักรที่ใช้ในงานก่อสร้าง รวมถึง การจัดหาอุปกรณ์เพื่อใช้และสร้างมูลค่าเพิ่มในโครงการ” ทั้งนี้บริษัทมีผลประกอบการ 9 เดือน ปี 2561 ที่น่าพอใจอย่างมาก มีรายได้รวม 1,510 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43% มีกำไรขั้นต้น 633 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึง 42% และมีกำไรสุทธิ 186 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 165% ขณะที่อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ คือเพิ่มกว่าเท่าตัวเป็น 12.0% จาก 5.8%