ปศุสัตว์ บุกจับโรงฆ่าสัตว์เถื่อนสระบุรี ยึดของกลางซากโคชำแหละ อุปกรณ์การฆ่า กว่า 1.3 แสนบาท ชี้ระวางโทษโดนคุกสามปี ปรับสองแสนบาท วันนี้ (31 ม.ค.62) นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากชุดเฉพาะกิจบังคับใช้กฎหมายของกรมปศุสัตว์ โดยกองสารวัตรและกักกัน สำนักงานปศุสัตว์เขต 1 สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดสระบุรี ด่านกักกันสัตว์สระบุรี ด่านกักกันสัตว์สุพรรณบุรี ด่านกักกันสัตว์พระนครศรีอยุธยา ด่านกักกันสัตว์ชัยนาท ด่านกักกันสัตว์ลพบุรี ร่วมกับทหารจากมณฑลทหารบกที่ 18 พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 1 และเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจภูธรวังม่วง เข้าตรวจสอบโรงฆ่าสัตว์ในพื้นที่อำเภอวังม่วง จังหวัดสระบุรี ตามที่ได้รับร้องเรียนจากสื่อสังคมออนไลน์ว่ามีการจัดตั้งและดำเนินกิจการฆ่าสัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาต ผลการตรวจสอบพบว่ามีการกระทำความผิด จึงได้จับกุมผู้กระทำความผิด พร้อมยึดของกลางเป็นซากโคชำแหละ 576 กิโลกรัม และอุปกรณ์ที่ใช้ในการฆ่า จำนวน 19 รายการ รวมมูลค่าประมาณ 135,070 บาท จึงได้ยึดของกลางทั้งหมดไว้เพื่อส่งดำเนินคดีที่สถานีตำรวจภูธรวังม่วง จังหวัดสระบุรี โดยแจ้งข้อกล่าวหา 1.ไม่ปฎิบัติตามมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ. 2559 โดยทำการจัดตั้งโรงฆ่าสัตว์ โรงพักสัตว์ และการฆ่าสัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาต ต้องโทษตามมาตรา 56 ระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 2.ไม่ปฎิบัติตามมาตรา 31 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ. 2559 โดยทำการฆ่าสัตว์โดยมิได้แจ้งจำนวนที่จะฆ่า วัน เวลา ที่จะดำเนินการฆ่าสัตว์ต้องโทษตามมาตรา 60 ระวางโทษปรับเรียงตามรายตัวของสัตว์ กรณีโคหรือกระบือ ตัวละไม่เกินห้าหมื่นบาท การดำเนินการเข้าตรวจค้นจับกุมโรงฆ่าสัตว์ครั้งนี้ เป็นนโยบายสำคัญของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค เนื่องจากเนื้อสัตว์ที่มาจากโรงฆ่าสัตว์ที่ไม่ได้รับอนุญาต มีความเสี่ยงอย่างมากในการนำเชื้อโรคระบาดที่สามารถติดต่อสู่คน หรืออันตรายจากสารตกค้าง ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพของผู้บริโภคและอาจทำให้เสียชีวิตได้ นอกจากนี้ทางกรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการปราบปรามโรงฆ่าสัตว์เถื่อนทั่วประเทศ เพื่อยกระดับให้โรงฆ่าสัตว์เป็นมาตรฐานเดียวกันและมีสุขอนามัยที่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค