ยังคงต้องจับสถานการณ์อย่างใกล้ชิด สำหรับ วิกฤติการเมืองในเวเนซุเอลา ประเทศสาวงาม แห่งทวีปอเมริกาใต้ หรือภูมิภาคลาติอเมริกา ซึ่งนับวันยิ่งขมึงเกลียวความตึงเครียดเพิ่มขึ้นไปทุกขณะ หลังก่อเกิดม็อบประท้วงตะเพิดไล่ “นิโคลัส มาดูโร” ให้ลงจากเก้าอี้ประธานาธิบดี พร้อมตีตราหน้าว่า ได้อำนาจอย่างไม่ชอบธรรม ด้วยการโกงเลือกตั้งอย่างมโหฬาร ก่อนประชาชีชาวเวเนฯ ได้มีประธานาธิบดีในเวลาเดียวกันถึง 2 คน จากการที่ “นายฆวน กัวอิโด” ผู้นำฝ่ายค้าน ซึ่งดำรงตำแหน่ง “ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ” หรือ “ประธานรัฐสภา” นั่งควบเก้าอี้ “ประธานาธิบดีเฉพาะกาล” หรือ “ประธานาธิบดีรักษาการ” อีกตำแหน่ง ด้วยการสถาปนาตนเอง นายฆวน กัวอิโด และครอบครัวประกอบพิธีทางศาสนาที่โบสถ์คริสต์แห่งหนึ่งในย่านซานโฆเซ กรุงคารากัส เมืองหลวงของเวเนซุเอลา จนเหล่านักวิเคราะห์หลายคน แสดงทรรศนะว่า ประเทศเดียวมีประธานาธิบดี 2 คน ข้างต้นน่าจะทำให้สถานการณ์วิกฤติเลวร้ายหนักขึ้น เพราะส่งผลให้เกิดการเลือกข้าง ถือหาง ของแต่ละฝ่ายกันขึ้น ไม่ว่าจะทั้งในและต่างประเทศ โดยในประเทศนั้น แทบจะไม่ต้องพูดถึง จากประชาชนที่มีทั้งฝ่ายสนับสนุนและต่อต้านของแต่ละกลุ่ม ซึ่งไม่เว้นแม้กระทั่งทหารในกองทัพ ก็ปรากฏว่า เริ่มมี “แปรพักตร์” เปลี่ยค่ายกันแล้ว แม้กระทั่งระดับนายทหารที่ประธานาธิบดีมาดูโร แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่สำคัญ อย่างกรณีของ “พ.อ. โฆเซ หลุยส์ ซิลวา” ทูตทหารเวเนซุเอลา ประจำสหรัฐฯ ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.” เป็นอุทาหรณ์ บรรดานักวิเคราะห์ แสดงทรรศนะว่า กรณีของท่านทูตนายพันคนดังกล่าว ทำให้นายมาดูโร ต้อง “สะดุ้ง” หาน้อยไม่ เพราะถึงขนาดทำให้เขา ต้องถ่อสังขารไปยังเมืองนากัวนากัว รัฐการาโบโบ เพื่อร่วมมหกรรม “ซ้อมรบ” กับเหล่าทหารหาญ แบบคลุกคลีตีโมงอย่างเป็นกันเอง แบบไม่ผิดอะไรกับเรียกคะแนนนิยมของชาวสมาชิกในกองทัพ ประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร แห่งเวเนซุเอลา เข้าร่วมรับชมการฝึกซ้อมรบของกองทัพ ที่เมืองนากัวนากัว อย่างเป็นกันเองกับเหล่าทหารหาญ เช่นเดียวกับต่างประเทศ ปรากฏว่า บรรดาชาติมหาอำนาจ ต่างแบ่งข้าง เลือกฝ่าย จนไม่ผิดอะไรกับแดนสาวงาม กลายเป็น “สมรภูมิ” ของ “สงครามตัวแทน” ระหว่างสองฟากมหาอำนาจโลกแบบพวกใครพวกมัน โดย “กลุ่มมหาอำนาจตะวันตก” ที่นำโดย “สหรัฐอเมริกา” เจ้าของฉายา “ลุงแซม” ประกาศตัวอย่างชัดเจนว่า ถือหาง ยืนข้างนายกัวอิโด พร้อมสร้างแรงกดดันต่อทางฝั่งของนายมาดูโรเป็นประการต่างๆ อาทิ ไม่ให้นายมาดูโร เบิกถอนทองคำมูลค่านับพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่เขาฝากไว้ในธนาคารย่านประเทศอังกฤษ มาใช้ได้ง่ายๆ เป็นต้น ขณะที่ มหาอำนาจของอีกฟาก คือ รัสเซีย และจีนแผ่นดินใหญ่ ให้ความสนับสนุนแก่นายมาดูโร ให้นั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ต่อไป พร้อมก่นประณามต่อมหาอำนาจเหล่านั้น โดยเฉพาะ “สหรัฐฯ” ว่า แทรกแซงกิจการภายในของเวเนซุเอลา ล่าสุด มีสัญญาณท่าทีจากทางฟากฝั่งสหรัฐฯ ว่า อาจได้เห็นกองกำลังทหารชาวลุงแซม ตบเท้ากรีธาทัพเข้าไปในดินแดนสาวงามก็เป็นได้ เพื่อจัดการกับวิกฤติของเวเนซุเอลา ทั้งนี้ สัญญาณท่าทีข้างต้น ได้รับการเปิดเผยจาก “ลินด์เซย์ เกรแฮม” ซึ่งดำรงตำแหน่ง “วุฒิสมาชิก” หรือ “สมาชิกสภาซีเนต” พรรครีพับลิกัน รัฐเซาท์แคโรไลนา ประเทศสหรัฐฯ นายลินด์เซย์ เกรแฮม ส.ว.รัฐเซาท์แคโรไลนา พรรครีพับลิกัน ประเทศสหรัฐฯ โดยนายเกรแฮม ระบุว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ปรึกษากับเขาถึงความเป็นไปได้ในการที่จะส่งกองทัพสหรัฐฯ เข้าไปในเวเนซุเอลา เพื่อสลายวิกฤติที่กำลังเกิดขึ้น แม้จะไม่มีรายละเอียดอย่างชนิดลึกซึ้งในการหารือปรากฏออกมา แต่นายเกรแฮม ก็ระบุด้วยว่า หากผลประโยชน์ด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ ได้รับผลกระทบที่เลวร้ายจากวิกฤติในเวเนซุเอลา ก็อาจได้เห็นกองทัพสหรัฐฯ กรีธาพลเข้าไป คือ ใช้กำลังทหารเข้าจัดการ ว่ากันถึง บุคคลที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ปรึกษาด้วยนั้น คือ “ส.ว.เกรแฮม” ก็ต้องถือว่า เป็นนักการเมืองสายเหยี่ยวคนหนึ่ง แถมมิใช่สายเหยี่ยวธรรมดา แต่เป็น “เหยี่ยวสงคราม (War Hawk)” อันน่าสะพรึง กันเลยทีเดียว ตามคำเรียกขานของนายแรนด์ พอล ส.ว.ของพรรครีพับลิกัน แห่งรัฐเคนทักกี ซึ่งเป็นสายอนุรักษ์นิยมด้วยกัน ก็ยิ่งส่งผลให้ต้องจับจ้องมองสถานการณ์ ระหว่างเวเนซุเอลา กับสหรัฐฯ กันอย่างไม่กระพริบตา สอดคล้องกับถ้อยคำของแหล่งข่าวซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลสหรัฐฯ ที่แม้ระบุว่า ไม่มีสัญญาณจากทางการวอชิงตันว่า มีแผนบุกเข้าไปในเวเนซุเอลา เพียงแต่ประธานาธิบดีทรัมป์ ต้องการให้เปลี่ยนระบอบการปกครองของเวเนซุเอลา ให้เร็วกว่าที่เป็นอยู่ ด้วยเหตุผลทางด้านเศรษฐกิจและทางการทูต เป็นประการสำคัญ ก็ต้องจับตาว่า สหรัฐฯ จะดำเนินยุทธวิธีเปลี่ยนผ่านที่ว่า ให้เป็นไปตามความประสงค์ของประธานาธิบดีทรัมป์กันอย่างไร? วิกฤตการณ์จะบานปลายเลวร้ายยิ่งขึ้นไปหรือไม่? การชุมนุมประท้วงในเวเนซุเอลา ซึ่งกลายเป็นวิกฤติการเมือง ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง