ดนตรี/รุ่งฟ้า ลิ้มหัสนัยกุล เพิ่งปล่อยซิงเกิ้ลใหม่ “Torch Song” ออกมาให้ฟังเมื่อ 17 มกราคม ที่ผ่านมานี่เอง ระหว่างการตระเวนทัวร์ยุโรป และปล่อยให้คนฟังรอ Tales of America อัลบั้มเต็มชุดแรกของเขา ซึ่งมีกำหนดวางจำหน่ายวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ที่จะถึง เกิดและเติบโตที่เมืองไนโรบี ประเทศเคนยา ก่อนจะโยกย้ายมาอยู่ที่เมืองมินนีอาโพลิส รัฐมินนิโซตาสหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2013 เจ.เอส. ออนดารา บอกว่าการใช้ชีวิตวัยเยาว์ในครอบครัวยากจนที่เมืองไนโรบี มีส่วนอย่างมากกับ “ตัวตน” ของเขาวันนี้ มันสอนให้เขารู้จัก “เลือก” และคว้าโอกาสดีๆที่ลอยผ่านเข้ามาในชีวิต โดยมี “บ้าน” เป็นแหล่งพักพิงแสนสุข กินอิ่มนอนหลับ มีวิทยุใส่ถ่านเครื่องเล็กๆเปิดเพลงหล่อเลี้ยงจิตใจให้ชุ่มชื่น “ผมคลั่งเสียงเพลงมาตั้งแต่เล็กๆ” เขาเล่า “ผมหลงรักเสียงกีตาร์ที่แผดดัง หลงรักเสียงร้องที่สามารถปั้นแต่งให้ลงตัวเหมาะเจาะกับท่วงทำนอง หลายครั้งที่ผมแต่งเนื้อร้องของตัวเองลงไปในทำนองเพลงที่ชอบ ทั้งที่ตอนนั้นยังพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลยด้วยซ้ำ” เพลงที่ ออนดารา ฟังตอนนั้นส่วนใหญ่เป็นอัลเทอร์เนทีฟและร็อค “Smells Like Teen Spirit” ของ เนอร์วานา เป็นหนึ่งในนั้น-ที่เขานำมาคัฟเวอร์ภายหลัง ได้อารมณ์แตกต่างจากต้นฉบับสุดขั้ว และน่าฟังไปอีกแบบหนึ่ง เพลงในช่วงแรกๆที่เขาแต่งมีกลิ่นของดนตรีร็อคมากทีเดียว และเป็นอย่างนั้นมาจนกระทั่งวันหนึ่งที่ได้รู้ว่า ความจริงแล้ว เพลง “Knockin’ on Heaven’s Door” เป็นงานของ บ็อบ ดีแลน ไม่ใช่ กันส์ แอนด์ โรเซส และนั่นเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้เด็กหนุ่มวัย 17 ตอนนั้น-หันมาหลงใหลดนตรีโฟล์ค โดยมีอัลบั้ม The Freewheelin’ Bob Dylan เป็นแสงนำทาง-“มันเป็นอีกโลกหนึ่งไปเลย ผมไม่เคยได้ยินเพลงแบบนั้นมาก่อน”-พาเขาไปถึงศิลปินคนอื่นๆในทางใกล้เคียงกันอย่าง นีล ยัง, เรย์ ลามอนตาญจ์, ดาเมี่ยน ไรซ์, ไรอัน อดัมส์ ฯลฯ ที่สำคัญ มันทำให้ ออนดารา ได้ค้นพบแนวทางของตัวเองในที่สุด เขาตัดสินใจเดินทางมาอเมริกา เพื่อเติมเต็มความฝันให้สมบูรณ์-อย่างที่ทำไม่ได้ในบ้านเกิด “ผมมีแค่ความฝัน สมุดเพลงหนึ่งเล่ม และท่วงทำนองที่วิ่งวนไปมาหัวไม่หยุด”-เขาบอก แต่ถึงแม้จะต้องไขว่คว้าดิ้นรนในการทำให้คนสนใจในช่วงแรกๆ ผลลัพธ์ที่ได้กลับมาก็คุ้มค่า เพราะวันนี้ หลังจากที่ทำงานอย่างหนักหลายปี ความสามารถในการร้องและแต่งเพลงของเขาก็ได้การยอมรับ อัลบั้มแรกของเขา เจ.เอส. ออนดารา ใช้ความเป็นคนนอกของเขามองเข้าไปในความเป็นอเมริกันจากประสบการณ์ส่วนตัว กลั่นกรองเรียงร้อยเรื่องราวต่างๆเหล่านั้นออกมาเป็นบทเพลง ให้มีจังหวะโลดเต้นผ่านดนตรีโฟล์คที่มีกลิ่นอายบลูส์ผสมผสานได้ละเมียดละมุน ใช้เสียงร้องกังวานใสแข็งแรงที่เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกของเขาเป็นสื่อกลาง กับเพลงที่ฟังแล้วติดใจง่ายดายอย่างเพลงที่เพิ่งปล่อย “Torch Song”, “Television Girl”, “Saying Goodbye”, “Lebanon”, “Mother Christmas” และ “American Dream” ซิงเกิ้ลแรกที่เนื้อเพลงเปิดกว้างให้คนฟังตีความได้หลากหลาย ถ้าสนใจ ตอนนี้อัลบั้มยังไม่ออก แต่ลองฟังเพลงที่กล่าวมาของเขาได้ที่ YouTube พิมพ์ชื่อ J.S. Ondara เท่านี้เอง-คุณก็จะได้ทำความรู้จักนักร้องนักแต่งเพลงหนุ่มจากเคนยาคนนี้ ได้ฟังงานสะอาดทั้งดนตรีและเสียงร้อง กับเนื้อเพลงที่สะท้อนสังคมได้คมคาย และมีเสน่ห์น่าติดตาม