เครือเจริญโภคภัณฑ์เสนอแนวทางแก้ปัญหามะพร้าวล้นตลาดราคาตกต่ำ ระยะสั้นต้องชะลอหรืองดการนำเข้า หากมีการนำเข้าภาครัฐต้องกำหนดปริมาณการนำเข้า เร่งใช้สต๊อกเก่าให้หมดก่อน ระยะยาวควรส่งเสริมเกษตรกรปลูกมะพร้าวพันธุ์ดีทดแทนการนำเข้า สนับสนุนการแปรรูปเพื่อส่งออกกะทิ อาหารและขนมไทยไปทั่วโลก ระบุคุณภาพมะพร้าวไทยดีที่สุดในโลก นายขุนศรี ทองย้อย ประธานคณะผู้บริหาร กลุ่มธุรกิจพืชครบวงจร เครือเจริญโภคภัณฑ์ เปิดเผยว่าสถานการณ์มะพร้าวล้นตลาดและราคาตกต่ำเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2559 เนื่องจากพื้นที่ปลูกมะพร้าวในประเทศไทยมีเพียง 1 ล้านไร่ ผลผลิตไม่เพียงพอกับความต้องการ ส่วนหนึ่งเพราะพื้นที่ปลูกมะพร้าวลดลงในขณะที่ปริมาณการใช้มะพร้าวสูงขึ้น จึงมีการนำเข้าโดยปราศจากการตรวจสอบ จนถึงปัจจุบันมีปริมาณมะพร้าวมากกว่าความต้องการใช้จริงในประเทศ สร้างความเดือดร้อนแก่เกษตรกรผู้ปลูกมะพร้าวโดยเฉพาะในภาคใต้ ทั้งนี้รัฐบาลควรเร่งหามาตรการช่วยเหลือเกษตรกรทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยในระยะสั้นสามารถที่จะชะลอการนำเข้าหรืองดการนำเข้า หากมีการนำเข้าต้องกำหนดปริมาณการนำเข้า ที่สำคัญต้องป้องกันการลักลอบนำเข้า เร่งใช้สต๊อกเก่าเพื่อลดซัพพลายในตลาด สำหรับระยะยาวมีความเห็นว่าทางราชการควรส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกมะพร้าวพันธุ์ดีเพื่อลดการนำเข้า โดยการกำหนดโซนนิ่งเพื่อให้ผลผลิตออกมาเพียงพอกับความต้องการใช้ในประเทศ อีกทั้งควรส่งเสริมการแปรรูปเพื่อส่งออกกะทิ อาหารและขนมหวานไทยไปทั่วโลก เนื่องจากคุณภาพกะทิของประเทศไทยเป็นที่ 1 ของโลก ขณะที่ผลผลิตมีมากเป็นอันดับ 7 ของโลก สำหรับเครือเจริญโภคภัณฑ์ ปัจจุบันทดลองพัฒนาโครงการทับสะแกโมเดล จ.ประจวบคีรีขันธุ์ เริ่มดำเนินงานเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมาโดยส่งเสริมให้เกษตรกรพัฒนาสายพันธุ์เพื่อให้ได้ผลผลิตดี ปัจจุบันสามารถพัฒนาจนได้ผลผลิต 800 กิโลกรัมต่อไร่ จากเดิม 500 กิโลกรัมต่อไร่ และรับซื้อในราคาที่เป็นธรรมบวกราคาเพิ่มให้อีกหากผลผลิตดีให้น้ำกะทิคุณภาพสูง โดยป้อนเข้าบริษัทในเครือได้แก่ บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร หรือ ซีพีเอฟ และ บจก.ซีพีแรม เพื่อผลิตอาหารคุณภาพดี ปัจจุบันมีการรับซื้ออยู่ที่ 50,000 ผลต่อเดือน ไม่มีการนำเข้าจากต่างประเทศเนื่องจากเชื่อมั่นในคุณภาพมะพร้าวของประเทศไทย