วันที่ 22 ม.ค.62 เวลา 11.00 น. ที่ ตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร.(ปป) พร้อมด้วย พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.1 พล.ต.ต. ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ,พล.ต.ต.จิรพัฒน์ภูมิจิตร รอง ผบช.ภ.1 ,เจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ,เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปทส. และ ผู้เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงผลการจับกุมนายกะต่าย สีสุวัน (KATAY SISOUVANH) สัญชาติลาว,นายวราพงศ์ พันธ์แจ่ม คนไทยและนายเหงียน วัน เฮิบ (NGUYEN VAN HOP) สัญชาติเวียดนามผู้ต้องหาเครือข่ายลักลอบค้าซากสัตว์ป่าข้ามชาติ พร้อมของกลางซากสัตว์ป่าคุ้มครอง พร้อมของกลางซากสัตว์ป่าคุ้มครองบรรจุอยู่ภายในถุงพลาสติกสีฟ้าพันด้วยเทปกาว จำนวน 4 ห่อ,ซากสัตว์ป่าบรรจุอยู่ภายในถุงพลาสติกใส ใส่อยู่ภายในถุงดำ จำนวน 1 ถุง,ชิ้นส่วนกระดูกสัตว์ป่า 4 ชิ้น,กระเป๋าเดินทางสีดำ 1 ใบ โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง ,แม่กุญแจยี่ห้อ Tri-Circle จ านวน 1 ตัว สอบแล้วเป็นซากเล็บหมี จำนวน 1,666 ชิ้น (คาดว่าซากดังกล่าวมาจากหมี ไม่น้อยกว่า 83 ตัว) โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากของสัตว์ป่าสงวนหรือซากของสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและร่วมกันช่วยซ่อนเร้น ช่วยกันจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใดซึ่งสัตว์ป่าหรือซาก ของสัตว์ป่าอันได้มาโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันพยายามนำเข้าหรือส่งออกซึ่งสัตว์ป่าหรือซากสัตว์ป่าชนิดท่ีรัฐมนตรี ประกาศกำหนด หรือนำผ่านซึ่งสัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครอง หรือซากสัตว์ป่า” พล.ต.ต. ธนายุตม์ กล่าวถึงพฤติการณ์ดังกล่าวคือ สืบเนื่องจากการจับกุมเครือข่ายลักลอบค้างาช้างแปรรูปรายใหญ่ เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.61 ด่านศุลกากรนครพนม'ได้จับกุม นางเหงียน กี่ ทัน ชาวเวียดนาม พร้อมของกลางงาช้างแปรรูปมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท ต่อมาศูนย์ปราบปรามการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าและทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปทส.ตร.) ได้สั่งการให้มีการสืบสวนขยายผลจับกุมเครือข่ายดังกล่าวในทุกมิติ ตำรวจภูธรภาค 1 โดยศูนย์ปราบปรามการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าและทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ศปทส.ภ.1) ทำการสืบสวนขยายผลเครือข่ายกลุ่มขบวนการดังกล่าว และสืบสวนทราบว่าจะมีการลักลอบขนซากสัตว์ส่งออกนอกประเทศอีกครั้ง โดยจะนำกระเป๋าบรรจุซากสัตว์โดยสารไปกับรถโดยสารประจำทางระหว่างประเทศ กระทั่งเมื่อวันที่ 19 มกราคม 62 เวลาประมาณ 16.00 น.กลุ่มขบวนการได้นำซากสัตว์บรรจุกระเป๋าเดินทางส่งไปกับรถโดยสารประจำทางสายกรุงเทพ-ปากเซ ชุดจับกุมจึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เรียกตรวจสอบรถคันดังกล่าวได้ที่บ ริเวณหน้า ตู้บริการตำรวจทางหลวงวังน้อย ตำบลสนับทึบ อำเภอวังน้อย จังหวัด พระนครศรีอยุธยา ผลการตรวจค้นพบกระเป๋าวางอยู่บริเวณช่องเก็บของด้านหน้าหน้าคนขับโดยมีนายกะต่าย สีสุวัน (KATAY SISOUVANH) สัญชาติลาว ผู้ต้องหา รับว่าเป็นผู้รับกระเป๋าใบดังกล่าว โดยมีชายชาวเวียดนามชื่อมิ้นฯ เป็นผู้ประสานงานในการรับฝากและให้นำไปส่งให้กับชายชาวลาว อายุประมาณ 30 ปี จะ มารอรับกระเป๋าอยู่ที่ปากเซ จากการตรวจค้นกระเป๋าดังกล่าวพบ ห่อพลาสติกสีฟ้าพันด้วยเทปกาวจำนวน 4 ห่อ, ซากสัตว์ป่าบรรจุอยู่ภายใน ถุงพลาสติกใส ใส่อยู่ภายในถุงดำจำนวน 1 ถุง และชิ้นส่วนกระดูกสัตว์ป่าจำนวน 5 ชิ้น ตรวจสอบพบว่าซากสัตว์ของกลางเป็นชิ้นส่วนกระดูกหมีและซากสัตว์ส่วนเล็บของหมี จำนวน 1,666 เล็บ ซึ่งคาดว่าเป็นชิ้นส่วนมาจากหมีควาย อันเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ไม่น้อยกว่า 83 ตัว มีมูลค่าความเสียหายมากกว่าแปดล้านบาท ขยายผลจับกุมเครือข่ายลักลอบค้าซากสัตว์ป่าข้ามชาติ สามารถจับกุมตัว นายวราพงศ์ พันธ์แจ่ม และนายเหงียน วัน เฮิบ สัญชาติเวียดนาม ที่ทำหน้าที่จัดเก็บและบรรจุจัดส่ง ซากสัตว์ป่า พร้อมทั้งตรวจค้นบ้านนายธรรมนูญ คงดี นายทุนที่รวบรวม ซากสัตว์ป่าต่างๆ จึงการตรวจยึดซากสัตว์ป่าคุ้มครองจำพวกสัตว์เลื้อยคลานได้แก่ ซากเต่า 2ซาก และซากเต๋าตนุ 1 ซา ไว้เพื่อตรวจการอนุญาตครอบครอง และพนักงานสอบสวนได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับนายธรรมนูญฯ ไว้แล้ว โดยการสืบสวนทราบว่าเครือข่ายดังกล่าวมีการลักลอบส่งซากสัตว์ป่าออกนอกประเทศมาแล้วไม่น้อย กว่าสิบครั้งขบวนการค้าสัตว์ป่าข้ามชาติที่ถูกจับกุม เป็นขบวนการที่มีเครือข่ายกว้างขวาง มีการติดต่อค้าขายและสั่งการกันทางออนไลน์มีเครือข่ายเชื่อมโยงหลายจังหวัดในประเทศไทย และเชื่อมโยงกับหลายประเทศ ทั่ง สปป.ลาว, เวียดนาม และจีน และมีความเชื่อมโยงกับขบวนการค้างาช้างที่จับกุมได้ที่จังหวัดนครพนมเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 61ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการสืบสวนขยายผล ติดตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการมาลงโทษทุกราย และนำกฎหมายฟอกเงินมา บังคับใช้ เพื่อทลายเครือข่ายนายทุนให้หมดสิ้นไป