ระบุข่าวหญิงป่วยลมพิษหนัก หายใจขัด เลือดออกจมูก คาดจากปัจจัยฝุ่นทำให้ภูมิแพ้กำเริบ เผยฝุ่นจะจับตัวกับสารเคมี-โลหะมีผลต่อเซลล์ผิวหนังโดยตรง ทั้งผื่นคัน ภูมิแพ้ และผิวเสื่อมสภาพก่อนวัย นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า จากกรณีมีข่าวผู้ป่วยหญิงมีอาการลมพิษอย่างหนัก จึงไปพบแพทย์แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นเพราะฝุ่นละอองหรือไม่ โดยผู้ป่วยมีประวัติเป็นโรคแพ้ฝุ่น ผิวแพ้ง่าย และมีอาการเริ่มหายใจติดขัด จามบ่อย มีเลือดออกมาทางจมูกค่อนข้างมาก และไหลไม่หยุด แพทย์ วินิจฉัยว่ามีภูมิคุ้มกันต่ำกว่าคนปกติทั่วไป ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุที่เมื่อเจอฝุ่นมากๆ ทำให้ภูมิแพ้กำเริบขึ้น และการที่เป็นคนเลือดออกง่าย และไหลไม่หยุด อาจทำให้มีเลือดไหลออกมาทางจมูกมาก ทั้งนี้ ผิวหนังเป็นอวัยวะหลักที่ต้องเผชิญกับสิ่งแวดล้อมและมลภาวะต่างๆ ตลอดเวลา ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ฝุ่นละอองจะส่งผลต่อผิวหนังด้วย ข้อมูลจากงานวิจัยพบว่า ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 สามารถจับตัวกับสารเคมีและโลหะต่างๆและนำพาเข้าสู่ผิวหนัง มีผลทำร้ายเซลล์ผิวหนังโดยตรง และทำให้การทำงานของเซลล์ผิวหนังผิดปกติ ทั้งในด้านกลไกการป้องกันของผิวหนังจากสิ่งแวดล้อมภายนอกและการซ่อมแซมผิวหนัง กระตุ้นให้เกิดกระบวนการอักเสบของเซลล์ผิวหนัง ทำให้เกิดผื่นคัน โดยเฉพาะในผู้ที่มีโรคผิวหนังอยู่เดิม เช่น โรคภูมิแพ้ผิวหนังหรือโรคผื่นผิวหนังอักเสบ จะระคายเคืองคันมากยิ่งขึ้น ผื่นกำเริบมากขึ้นได้ พญ.มิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผอ.สถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กล่าวว่า การสัมผัสกับฝุ่นอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผิวเสื่อมชราได้เร็วขึ้นนอกเหนือจากปัจจัยทางแสงแดดและสูบบุหรี่ การศึกษาในเยอรมนีและจีน พบว่าการสัมผัสกับฝุ่นละอองขนาดเล็กเป็นเวลานานมีผลทำให้ผิวเสื่อมชรา โดยพบการเกิดจุดด่างดำเพิ่มมากขึ้นบริเวณใบหน้าและเกิดริ้วรอยบริเวณร่องแก้มมากยิ่งขึ้นด้วย นอกจากนี้ ยังพบว่าฝุ่น PM2.5 มีผลกระทบต่อผิวหนังได้ทั้งระยะสั้นและระยะยาว ดังนั้น การปกป้องผิวหนังให้สัมผัสกับฝุ่นดังกล่าวให้น้อยที่สุดจึงเป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนที่มีโรคผิวหนังอยู่เดิมเพื่อป้องกันไม่ให้โรคกำเริบมากยิ่งขึ้น