"โกลเด้นแลนด์” มั่นใจปี63ขึ้นแท่นติดบ.อสังหาฯมีรายได้สูง 5 อันดับแรกของไทย หลังผู้ถือหุ้นอนุมัติจ่ายเงินปันผลงาม 0.46 บาทสูงต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้าเปิดโครงการใหม่ 28 โครงการมูลค่า 3.3 หมื่นล้านบาท สวนกระแสปัจจัยลบ นายธนพล ศิริธนชัย ประธานอำนวยการ บมจ. แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ หรือ โกลเด้นแลนด์ (GOLD) เปิดเผยว่า จากผลมติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2561 ที่ได้อนุมัติจ่ายเงินปันผลต่อหุ้น 0.46 บาท คิดเป็นมูลค่ากว่า 1,069 ล้านบาท หรือคิดเป็น 51% ของกำไรสุทธิ ซึ่งสูงกว่าการจ่ายเงินปันผลของปี 2560 ที่จ่าย 0.25 บาท ถึงเกือบเท่าตัว ดังนั้นจึงทำให้บริษัทมีความเชื่อมั่นในศักยภาพทางการเงินอันแข็งแกร่งที่พร้อมเติบโต ให้บรรลุตามพันธกิจการเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่มีรายได้สูงเป็น 5 อันดับแรกของประเทศไทยภายในปี 2563 แน่นอน อย่างไรก็ตามแม้ปีนี้จะมีปัจจัยภายนอกต่างๆรุมเร้า อย่าง สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกา และจีน, ความไม่แน่นอนทางการเมือง ,การปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นของงอัตราออกเบี้ย ส่งผลให้หลายบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มีการปรับลดเป้าหมาย และมีการระมัดระวังในการลงทุนซื้อที่ดินมากขึ้น แต่บริษัทยังมั่นใจกำลังซื้อของลูกค้าของบริษัทว่ายังคงดีอยู่ จึงตั้งเป้าหมายรายได้รวม 19,800 ล้านบาท แบ่งเป็น รายได้จากการขายอสังหาฯ 18,000 ล้านบาท ส่วนเป้ายอดขายอยู่ที่ 31,400 ล้านบาท ผ่านโครงการที่เปิดขายรวม 67 โครงการแบ่งออกเป็น โครงการที่เปิดขายเดิมจำนวน 39 โครงการ และจากโครงการใหม่ในปีนี้อีก 28 โครงการมูลค่า 33,000 ล้านบาท ส่วนเหลืออีก 1,800 ล้านบาทจะมาจากรายได้ให้เช่า และบริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ จากการเช่าพื้นที่ของอาคารเอฟวายไอ เซ็นเตอร์ หัวมุมถนนรัชดา-พระราม 4 อาคารสำนักงาน และโรงแรมมูลค่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งมียอดผู้เช่าเต็มพื้นที่แล้ว นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีรายได้ค่าบริหารจัดการอาคารสาทรสแควร์ และอาคารปาร์คเวนเชอร์ ซึ่งบริษัทฯ เข้าไปเป็นผู้บริหารทรัพย์สินให้กับ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์โกลเด้นเวนเจอร์ (Golden Ventures REIT) บริษัทยังคงเดินหน้าพัฒนาโครงการใหม่ ได้แก่ โครงการสามย่านมิตรทาวน์ ซึ่งคาดว่า จะพร้อมเปิดให้บริการในไตรมาส 3 ปีนี้ นายแสนผิน สุขี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ กล่าวว่า กลยุทธ์ในปีนี้ของบริษัท ยังคงตั้งเป้าให้เป็นปีแห่ง “การเก็บเกี่ยวความสำเร็จ (Harvesting Success)” จากความมั่นใจในความแข็งแกร่งของบริษัทฯ ด้วยฐานะทางการเงินที่ดีขึ้น จึงมีความมั่นใจกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจดังนี้ 1. เดินหน้า นีโอโฮม (NEO Home) พัฒนาโดยมีแนวคิดมาจาก ความต้องการบ้านของคนเมือง ได้แก่ สวย ครบ คุ้ม และใกล้เมือง ในระดับราคา 4-6 ล้านบาท แต่ได้ฟังก์ชัน ความสวยงาม และสิ่งอำนวยความสะดวก เทียบเท่าบ้านระดับราคาแพง นีโอโฮม จึงเป็นบ้านที่เข้ามาทดแทนความต้องการบ้านเดี่ยวในเมืองที่ราคา 7-10 ล้านบาท ได้อย่างลงตัว 2. ขยายตลาดและเพิ่มโครงการ ทาวน์โฮม (Townhome) พร้อมบุกทำเลใหม่ๆ ที่โกลเด้น ทาวน์ ยังไม่ได้เข้าไปทำตลาด หรือยังไปไม่ทั่วถึง อาทิ กรุงเทพฯ โซนเหนือ (เขตจตุจักร บางซื่อ ลาดพร้าว หลักสี่ ดอนเมือง สายไหม และบางเขน) กรุงเทพฯ โซนตะวันออก (เขตบางกะปิ สะพานสูง บึงกุ่ม คันนายาว ลาดกระบัง มีนบุรี หนองจอก คลองสามวา และประเวศ) เป็นต้น 3. สร้างรายได้บ้านเดี่ยวเพิ่มขึ้น ตลาดบ้านเดี่ยวยังคงมีความต้องการ ในปี 2562 บริษัทปรับเป้ารับรู้รายได้ ของบ้านเดี่ยวจาก 4,000 กว่าล้านบาท ในปีนี้เพิ่มขึ้นอีก 25% เป็น 5,000 ล้านบาท ในปี 2562 โดยจะมีการขยายตลาดบ้านเดี่ยวระดับราคา 7-10 ล้านบาท ในทำเลเมืองชั้นใน อาทิ รามอินทรา, ศรีนครินทร์, บางแค, เพชรเกษม เป็นต้น 4. ขยายตลาดซิตี้โฮม (City Home) บ้านที่เน้นทำเลในเมือง โดยไม่จำกัดว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว หรือ บ้านแฝด หรือทาวน์โฮม แต่เป็นบ้านที่มีฟังก์ชันครบตามสไตล์ โกลเด้นแลนด์ และอยู่ในเมือง อาทิ ย่านสาทร, พระราม 3, ลาดพร้าว, แจ้งวัฒนะ เป็นต้น โดยกำหนดโครงสร้างราคาขายในระดับ 10-20 ล้านบาท 5. ขยายตลาดต่างจังหวัด จาก 2 โครงการในต่างจังหวัดทีได้เปิดการขายไปแล้ว คือ โกลเด้น ทาวน์ ศรีราชา-อัสสัมชัญ และ โกลเด้น ทาวน์ อยุธยา ในปี 2562 บริษัทยังคงต่อยอดพัฒนาโครงการในต่างจังหวัดเพิ่มขึ้นอีก 5 โครงการ ในทำเลที่เหมาะสม อาทิ ชลบุรี ฉะเชิงเทรา เชียงราย เป็นต้น โดยพิจารณาทำเลจาก เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ หรือ ECC ย่านเมืองอุตสาหกรรม รวมถึงการพัฒนาโครงการร่วมกับพื้นที่ของ Big C เป็นต้น 6. เปิดครบอาณาจักร โกลเด้น เอ็มไพร์ ทั้ง 3 แห่ง คือ ลาดพร้าว บางแค และสาทร ที่ขายหมดในปีนี้ จะมารับรู้รายได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยมากขึ้นในปี 2562 และยังมีแผนเปิดอาณาจักร โกลเด้น เอ็มไพร์ให้ครบมากขึ้น ในทำเลต่าง ๆ ซึ่งต่อไปลูกค้าจะสามารถเลือกโครงการในอาณาจักร โกลเด้น เอ็มไพร์ได้ที่ สาทร, บางแค, ลาดพร้าว, แจ้งวัฒนะ และเชียงราย 7. พัฒนาระบบรองรับการเติบโต “พัฒนานวัตกรรม พัฒนาระบบ ให้ดีกว่าและเร็วยิ่งขึ้น” จากการที่บริษัท เติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้ในปี 2562 บริษัทมีแผนที่จะพัฒนานวัตกรรมสำหรับการอยู่อาศัยซึ่งนับเป็นจุดแข็งของโกลเด้นแลนด์อยู่แล้ว ให้มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น พร้อมกับพัฒนาระบบสารสนเทศ การบริหารจัดการด้านต่าง ๆ ภายในองค์กร เพื่อรองรับการเติบโตของบริษัท สร้างมาตรฐานในการปฏิบัติงาน การบริหารงานก่อสร้าง การบริการลูกบ้านและลูกค้า ให้มีความรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น”