เมื่อวันที่ 5 ธันวาคมปี 2561 ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีของสาธารณรัฐประชาชนเวียดนาม ได้มอบเหรียญอิสริยาภรณ์ ด้านแรงงานชั้นตรีแก่บริษัท ซี.พี.เวียดนาม คอร์ปอร์เรชั่น จำกัด (ซีพี เวียดนาม) ในฐานะที่เป็นบริษัทเอกชนไทยที่มีบทบาทสำคัญในการมีส่วนร่วมในการพัฒนาการเกษตร ปศุสัตว์ และเพาะเลี้ยงสัตว์นํ้าในชนบท ช่วยให้ชาวเวียดนามมีอาชีพและมีรายได้ที่มั่นคง ช่วยพัฒนาเศรษฐกิจของเวียดนามให้เติบโตอย่างรวดเร็ว เวียดนาม เป็น 1 ใน 16 ประเทศที่บริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ได้เข้าไปลงทุนและมีการขยายกิจการอย่างต่อเนื่องมากว่า 25 ปี เริ่มจากโรงงานผลิตอาหารสัตว์บกในจังหวัดด่องนาย เป็นแห่งแรก ปัจจุบัน ซี.พี.เวียดนาม ดำเนินธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารครบวงจร ครอบคุลมสัตว์บกและสัตว์น้ำ จากนโยบายโดยตรงของท่านประธานอาวุโสธนินท์ เจียรวนนท์ ที่ย้ำตลอดว่า ไม่ว่าจะไปดำเนินธุรกิจในประเทศไหน ต้องยึดมั่นหลักปรัชญา 3 ประโยชน์สู่ความยั่งยืน ประเทศนั้นต้องได้รับประโยชน์ ประชาชนของประเทศต้องได้รับประโยชน์ พนักงานและบริษัทถึงจะรับประโยชน์เป็นลำดับสุดท้าย ซี.พี.เวียดนาม มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจภายใต้หลักธรรมาภิบาลที่ดีควบคู่กับการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม สร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมๆกับการที่ประชาชนชาวเวียดนามมีปริมาณอาหารโปรตีนรับประทานได้อย่างเพียงพอ ตลอดจนสามารถส่งออกผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรไปจำหน่ายยังนานาประเทศ ช่วยพัฒนาเศรษฐกิจของชาติได้ อย่างเป็นรูปธรรม หนึ่งในตัวชี้วัดความสำเร็จที่องค์กรในการขับเคลื่อนธุรกิจและสังคม เพื่อเข้าใกล้การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนคือ การส่งเสริมและพัฒนาให้คนในแต่ละประเทศที่ซีพีเอฟเข้าไปลงทุนได้มีโอกาสเข้ามาทำงาน แสดงศักยภาพได้แสดงศักยภาพ ได้ทำงานที่ท้าทาย และเติบโตสู่ตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงตามแนวทางขององค์กรที่ส่งเสริมให้บุคลากร เป็นทั้ง "คนเก่ง" และ "คนดี” เพื่อร่วมขับเคลื่อนให้ซีพีเอฟในแต่ละประเทศเป็นองค์กรชั้นนำที่ได้รับการยอมรับของประชาชนในประเทศนั้นๆ ด้านการเป็นผู้ผลิตและพัฒนาอาหารปลอดภัย คุณภาพสูง ด้วยมาตรฐานเป็นที่ยอมรับระดับสากล และขับเคลื่อนองค์กรเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ โดยบริษัทมีการพัฒนาบุคลากรในทุกสาขา ไม่ว่าจะเป็นสัตวแพทย์ สัตวบาลที่ทำงานในฟาร์ม จนถึงการพัฒนาคนท้องถิ่นเป็นผู้บริหารขององค์กร เช่น ซีพี.เวียดนามที่ซีพีเอฟ เข้าไปจดทะเบียนดำเนินธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารแบบครบวงจรตั้งแต่ปี 1993 ตลอดระยะเวลากว่า 25 ปี ปัจจุบัน ซีพี เวียดนาม ดูแลบริหารงาน โรงงานผลิตอาหารสัตว์ 10 แห่ง โรงงานแปรรูปอาหาร 5 แห่ง มีบุคลากรทั้งหมดกว่า 20,000 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้บริหารและชาวเวียดนามถึงร้อยละ 99 และปัจจุบันมีผู้บริหารระดับสูงชาวเวียดนามจำนวนมากที่เข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างการเติบโตให้กับองค์กร และซี.พี.เวียดนามยังได้รับคัดเลือก เป็น 1 ใน 100 บริษัทเยาวชนคนรุ่นใหม่ของเวียดนามต้องการร่วมงานด้วย ซีพีเอฟ ยังสร้างบุคลากรคนรุ่นใหม่เพื่อเข้ามาร่วมเป็นพลังรุ่นใหม่ขับเคลื่อนองค์กรเติบโตไปข้างหน้า สร้างความยั่งยืนของเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยร่วมมือกับสถาบันปัญญาภิวัฒน์ หรือ PIM ก่อตั้งคณะอุตสาหกรรมเกษตรขึ้นตั้งแต่ปี 2557 เพื่อพัฒนาเยาวชนได้มีความรู้และได้รับการถ่ายทอดประสบการณ์จากผู้เชี่ยวชาญสาขาวิชาเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารจากซีพีเอฟตั้งแต่ระดับปริญญาตรี และสามารถทำงานร่วมกับซีพีเอฟได้ทันที และในปี 2561 นับเป็นปีการศึกษาแรกที่ซีพีเอฟได้คัดเลือกเยาวชน 15 คนจากอินเดีย เวียดนาม บังคลาเทศ กัมพูชา เมียนมา ฟิลิปปินส์ รับทุนการศึกษาต่อในคณะอุตสาหกรรมเกษตร จบการศึกษาแล้วจะกลับไปทำงานกับซีพีเอฟในประเทศบ้านเกิดอีกด้วย นอกเหนือจากการพัฒนาบุคลากรร่วมสร้างความสำเร็จให้องค์กรแล้ว ซี.พี.เวียดนาม นับเป็นประเทศต้นแบบที่ ซีพีเอฟ เข้าไปส่งเสริมเกษตรกรเวียดนามในระบบ Contract Farming เป็นจำนวน 2,410 ครอบครัว ไม่เพียงเกษตรกรยังได้รับการถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีในการเลี้ยงสัตว์ด้วยมาตรฐานระดับโลกแล้ว ครอบครัวเกษตรกรยังมีรายได้ที่มั่นคง มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น นับเป็นการสร้าง “สังคมพึ่งตน” ให้กับประชาชนชาวเวียดนาม นอกเหนือจากเกษตรกรเวียดนามแล้ว ซีพีเอฟยังได้สนับสนุนพัฒนาอาชีพเกษตรกรภาคปศุสัตว์ในกัมพูชา ฟิลิปปินส์ และประเทศต่างๆที่เข้าไปลงทุนอีกด้วย ขณะเดียวกัน ซี.พี.เวียดนามยังให้ความสำคัญการดำเนินโครงการความรับผิดชอบต่อสังคม หรือ Corporate Social Responsibility (CSR) ของบริษัทที่ทำมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กิจกรรมซีเอสอาร์ในเวียดนามเกิดจากการริเริ่มของพนักงานจิตอาสาเอง เพื่อร่วมตอบแทนคุณแผ่นดิน โดยผู้บริหารและพนักงานซี.พี.เวียดนาม ร่วมกันจัดตั้ง “กองทุน ซี.พี.เวียดนามเพื่อการกุศล” (CPV’s Donation Fund) เพื่อช่วยเหลือสังคมอย่างยั่งยืนในหลายๆด้าน ตั้งแต่ กิจกรรมเพื่อนช่วยเพื่อน ครงการหน่วยแพทย์อาสา และโครงการช่วยเหลือ ผู้ด้อยโอกาสต่างๆ อีกหลายโครงการ และกิจกรรมซีเอสอาร์ ที่เป็นที่ยอมรับและชื่นชมจากรัฐบาลและประชาชนชาวเวียดนาม คือ การริเริ่มโครงการบริจาคโลหิต มาตั้งแต่ปี 2009 ซึ่งในช่วงเวลานั้น คนเวียดนามยังไม่นิยมการบริจาคเลือด และจากการดำเนินกิจกรรมอย่างจริงจังโดยผู้บริหารและพนักงาน และสนับสนุนการบริจาคโลหิตระดับชาติในประเทศเวียดนาม รวมทั้งร่วมกับสภากาชาดส่วนกลางเวียดนามและสถาบันโลหิตวิทยาแห่งชาติเวียดนาม ทำให้ ปัจจุบัน ยอดรับบริจาคโลหิตรวมทั้งสิ้นกว่า 200,000 ยูนิต (ประมาณ 62 ล้านซีซี) นอกจากนี้ กองทุนซีพีเวียดนามเพื่อการกุศลร่วมกับสมาพันธ์เยาวชนแห่งชาติเวียดนามและสมาคมแพทย์เยาวชนแห่งชาติเวียดนามออกไปทำดีตรวจรักษาผู้ป่วยยากไร้ฟรีทั่วประเทศเวียดนาม เพื่อร่วมฉลองครบ126ปีอดีตผู้นำลุงโฮจิมินท์ ซึ่งแนวทางดังกล่าวสอดคล้องกับปรัชญา 3 ประโยชน์ของเครือเจริญโภคภัณฑ์คือ เป็นประโยชน์กับประเทศที่เข้าไปลงทุน เป็นประโยชน์ต่อประชาชนในประเทศนั้น และประโยชน์ต่อพนักงานและองค์กร ด้วยความเชื่อมั่นที่ว่า วิถีซีพีเอฟ “การให้และแบ่งปันโดยไม่หวังผลตอบแทน” จะช่วยหนุนผลดำเนินงานเติบโตอย่างต่อเนื่อง และยั่งยืน การสร้างความสำเร็จทางธุรกิจควบคู่ความยั่งยืนของสังคม ส่งผลให้ไม่เพียงเหรียญอิสริยาภรณ์ ด้านแรงงานชั้นตรี เท่านั้น ในปีที่ผ่านมา ซี.พี.เวียดนาม ยังได้รับคัดเลือกจากสภาพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืนแห่งชาติเวียดนาม (The Vietnam Business Council for Sustainable Development (VBCSD) เป็น 1 ใน 100 องค์กรที่มีการเติบโตอย่างยั่งยืนอีกด้วย