ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 19 ม.ค.62 นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ทนายชื่อดังคดีหวย 30 ล้าน เปิดเผยว่าเมื่อเร็วๆนี้สภาทนายความได้มีมติเป็นเอกฉันท์ ยกคำร้องไม่รับคำกล่าวหา ในเรื่องให้สินบนพนักงานอัยการ ทั้งเรื่องที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ และของคุณวาสนา แซ่ลี้ ได้กล่าวหาตน นายษิทรา กล่าวต่อว่าเรื่องทุกอย่างที่ตนถูกกล่าวหาไม่มีมูลความจริงเลย เช่นเรื่องคุณวาสนาฯ พี่อัจฉริยะกล่าวหาว่าตนไปวิ่งเต้นพนักงานอัยการ ดำเนินคดีอาญากับผมที่กองบังคับการกองปราบปราม และร้องเรียนผมที่สภาทนายความ จะให้สภาทนายความถอดถอนตนออกจากวิชาชีพข้อเท็จจริงเรื่องนี้” ผมรับเป็นทนายความให้คุณวาสนาฯ ในคดีแพ่งและคดีอาญาจำนวน 3 คดีคือ คดีฉ้อโกงที่ค้างอยู่ที่ศาลจังหวัดสมุทรสาคร ,คดีรับของโจรผู้เกี่ยวข้องรายอื่นซึ่งยังอยู่ที่พนักงานสอบสวน และติดตามเอาทรัพย์ที่ถูกประทุษร้ายคืน โดยคุณวาสนาฯต้องการให้เพิ่มกรรมกับจำเลย เมื่อผมตรวจสอบข้อกฎหมายต่างๆแล้ว เนื่องจากจำเลยรับสารภาพจึงไม่สามารถยื่นหลักฐาน หรือขอความเป็นธรรมที่พนักงานอัยการเพื่อแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องได้ ประกอบกับเมื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินแล้วไม่ได้ใช้วิธีโอนเงินทางธนาคาร จึงยากที่จะติดตามยึดทรัพย์มาได้ ผมจึงแจ้งแก่คุณวาสนาฯ” ต่อมาเมื่อช่วงต้นเดือนสิงหาคม2561 คุณวาสนาฯ มาขอยกเลิกสัญญา ตนได้คืนเงินทั้งหมดให้แก่คุณวาสนาฯ ในอีกไม่กี่วันถัดมา “หลังจากนั้นคุณวาสนาฯ ได้ไปพบพี่อัจฉริยะฯ พี่อัจฉริยะฯจึงถามคุณวาสนาฯ ถึงเรื่องราวทั้งหมด คุณวาสนาฯก็ได้บอกว่าไปหาทนายตั้มแต่ทำงานไม่สำเร็จ โดยมีการคืนเงินกันแล้ว ซึ่งมีคลิปเสียงยืนยันกับพี่อัจฉริยะฯว่าได้มีการว่าจ้างกันจริง เมื่อพี่อัจฉริยะฯได้ฟังคลิปเสียงโดยไม่ไตร่ตรองให้รอบคอบว่าที่มาที่ไปเป็นอย่างไร จึงอาสาทำให้ฟรีโดยใจลึกๆอาจจะอยากทำลายผม โดยมีเงื่อนไขให้คุณวาสนาฯทำตามที่พี่อัจฉริยะฯบอก” ทนายตั้มกล่าวอีกว่าด้วยความไม่รู้กฎหมายและรู้เท่าไม่ถึงการณ์ คุณวาสนาฯ จึงต้องทำตาม เพราะหวังว่าจะได้เงินที่ถูกโกงกลับคืนมา แต่ต่อมาภายหลังคุณวาสนาฯและครอบครัว ได้รู้ความจริงว่า พี่อัจฉริยะฯไม่ได้มุ่งช่วยเหลือเรื่องคดี แท้จริงแล้วเป็นเรื่องส่วนตัวต้องการเอาเรื่องนี้มาโจมตีผม คุณวาสนาฯไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมของพี่อัจฉริยะฯ จึงได้ไปให้ข้อเท็จจริงกับตำรวจกองปราบปราม และตำรวจสภ.กระทุ่มแบน ว่าสิ่งที่พี่อัจฉริยะฯพูดมาไม่ใช่เรื่องจริง “ต้องยอมรับว่าคุณวาสนาฯ กับครอบครัวเป็นคนที่รักความถูกต้อง ให้ความเป็นธรรมกับผม ผมขอขอบคุณคุณวาสนาฯและครอบครัวมากครับ”ทนายตั้มกล่าว นายษิทรา เปิดเผยอีกว่าการที่นายอัจฉริยะฯที่ได้กล่าวหาตนว่าวิ่งเต้นคดีและร้องให้สภาทนายความถอนใบอนุญาตตน ซึ่งตนได้ชี้แจงพร้อมพยานหลักฐานต่างๆ จนในที่สุดสภาทนายความได้มีมติโดยคณะกรรมการมรรยาททนายความแล้ว ว่าเรื่องที่กล่าวหาไม่มีมูลความจริงใดๆ เป็นการใส่ร้ายทำให้ตนเสื่อมเสียชื่อเสียง ซึ่งหลังจากนี้ก็คงต้องดำเนินการทางด้านกฎหมายกับบุคคลที่ใส่ร้ายตนต่อไป.