“อนาคตใหม่” ชี้ขนส่งสาธารณะเพื่อทุกคนทางออกแก้ฝุ่นพิษ PM2.5 - “พล.ท.พงศกร” แนะแนวทางปฏิรูปกองทัพให้ทันสมัย - อัดซื้ออาวุธไม่มีประสิทธิภาพ เมื่อเวลา 20.00 น.วันที่ 18 มกราคม พรรคอนาคตใหม่จัดรายการ “คืนวันศุกร์ให้ประชาชน” ในประเด็นเกี่ยวกับนโยบายของพรรค ด้านคมนาคมกับการแก้ไขปัญหาฝุ่นมลพิษ PM 2.5 และการใช้จ่ายงบประมาณของประเทศเพื่อจัดซื้อยุทโธปรณ์ของกองทัพไทย รวมถึงประเด็นการทำให้กองทัพเป็นกองทัพที่สมัย หรือกองทัพในศตวรรษที่ 21 เนื่องในวันกองทัยไทย โดยมี พล.ท. พงศกร รอดชมภู รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และ นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ทึ่ปรึกษานโยบายด้านคมนาคม และว่าที่ผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อของพรรค ร่วมดำเนินรายการ นายสุรเชษฐ์ กล่าวถึงกรณีฝุ่นมลพิษ PM 2.5 ว่า สาเหตุหลักของฝุ่นพิษเกิดจากควันของท่อไอเสียรถยนต์ที่มีจำนวนมาก อีกทั้งระบบขนส่งสาธารณะที่ยังไม่มีคุณภาพมากพอที่จะจูงใจให้คนเมืองมาใช้บริการ ทำให้รถยนต์ในเมืองหลวงมีปริมาณมาก ควันพิษจึงมีมากตามไปด้วย รวมถึงรถเมล์รุ่นเก่าที่มีระบบเผาไหม้ของตัวเครื่องไม่ดีพอก็เป็นสาเหตุสำคัญของปัญหาฝุ่นมลพิษอีกด้วย แล้วฝุ่นพิษนี้ องค์การอนามัยโลกก็มีผลงานวิจัยยืนยันว่าเป็นสารก่อมะเร็ง ดังนั้น พรรคอนาคตใหม่จึงขอเสนอนโยบายเพื่อแก้ไขต้นตอของปัญหานี้ นั่นคือ การแก้ไขปัญหาคมนาคมในเมืองหลวง ทำขนส่งสาธารณะเพื่อทุกคน ให้ทุกคนสามารถใช้ได้ ลดการสร้างถนน แต่จะนำงบประมาณไปพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะ เมื่อคนเมืองใช้รถยนต์ส่วนตัวน้อยลง มาใช้ระบบขนส่งสาธารณะมากขึ้น ควันพิษจากรถก็จะน้อยลงไปด้วย “สิ่งที่ทำไม่ใช่ประชานิยม พอกันทีกับนโยบายเพื่อนายทุนใหญ่ ต้องนำงบประมาณมาพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะ แน่นอนครับ เราเข้าใจดีว่ามันยากและใช้เวลา แต่ก็ต้องทำเพื่อการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง ในส่วนของการบรรเทาปัญหาเฉพาะหน้าในเรื่องของฝุ่นพิษ PM 2.5 เราอยากเห็นผู้มีอำนาจรัฐให้ความสำคัญกับประเด็นดังต่อไปนี้มากขึ้น แจกหน้ากากกันฝุ่นพิษ กวดขันหรือลงโทษเจ้าของรถหรือโรงงานที่ปล่อยควันเกินค่ามาตรฐาน หลายกรณีมองเห็นได้ด้วยตา ก็ควรสั่งให้ไปทดสอบงดการเผาในที่โล่งในบริเวณกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ในส่วนของการแก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 อย่างจริงจังในระยะยาว รวมไปถึงการแก้ปัญหามลพิษทางอากาศ นโยบายขนส่งสาธารณะเพื่อทุกคนคือทางออก ” ที่ปรึกษานโยบายด้านคมนาคมพรรคอนาคตใหม่ กล่าว ด้าน พล.ท.พงศกร กล่าวถึงกรณีการปฏิรูปกองทำให้ทันสมัยเนื่องในวันกองทัพไทยว่า วันที่ 18 มกราคมนี้เป็นวันกองทัพไทยเนื่องในวันที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงชนะในการทำยุทธหัตถี กองทัพไทยจึงยึดวันนี้ให้เป็นวันกองทัพไทย จึงอยากพูดถึงการปฏิรูปกองทัพในวันนี้ เพื่อทำให้กองทัพไทยเป็นกองทัพที่ทันสมัย ทำให้กองทัพไทยไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองเพื่อให้กองทัพไทยเป็นกองทัพที่มีเกียรติ ไม่ใช่ให้กองทัพเป็นพื้นที่ของการเมือง ใช้ระบบเส้นสาย เครือญาติ ระบบอุปถัมภ์มาเป็นส่วนสำคัญเพื่อพิจารณาในการแต่งตั้งตามสายบังคับบัญชา เอื้อให้การบังคับบัญชานั้นสามารถก่อให้เกิดการนำกองทัพไปเป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อทำรัฐประหาร จากนี้ไปกองทัพจะต้องแต่งตั้งนายทหารตามความสามารถและการสอบประเมินวัดผล “ผมอยากให้กองทัพไทยทันสมัยแบบประเทศสหรัฐฯ ยกตัวอย่างการบังคับบัญชาตอนที่ทหารสหรัฐฯ ทำภารกิจสังหารบินลาเดน มุ่งแก้ไขปัญหาด้วยศูนย์กลาง กองบัญชาการของปัญหา โดยไม่จำเป็นต้องใช้กองกำลังเยอะ แต่ใช้น้อยมีประสิทธิภาพสูง นี่คือภาพใหญ่ของการรบแบบสมัยใหม่ตามแบบฉบับกองทัพ ศตวรรษที่ 21 แต่ของไทยยังเป็นกองทัพแบบ ศ.ที่ 20 เน้นมีกองทัพขนาดใหญ่ มีจำนวนคนมาก ๆ แต่เทคโนโลยีทางการรบนั้นยังไร้ประสิทธิภาพ อีกทั้งการซื้อยุทโธปกรณ์ของกองทัพไทยในตอนนี้ก็เน้นซื้อจากประเทศที่ไม่ได้มีเทคโนโลยีทางการรบสูง และซื้อยุทโธปกรณ์ที่อะไหล่หายาก มีค่าซ่อมบำรุงสูง มีปัญหาเรื่องการส่งมอบ มากไปกว่านั้นคือ กองทัพไทยชอบซื้อยุทโธปกรณ์เป็นเจ้าแรกของประเทศนั้นโดยที่ยังไม่ได้มีอะไหล่ออกมารองรับเลย แล้วถ้าเอามาความสามารถมาเทียบกันระหว่างรถถังจีนกับรถถังยุโรป รถถังยุโรปชนะขาด แต่กองทัพไทยกลับซื้อจากจีน ทหารที่มีอำนาจซื้อคือ ทหารการเมือง แต่ทหารที่ใช้คือ ทหารอาชีพ กลายเป็นนายซื้อของห่วยให้ลูกน้องใช้ พรรคอนาคตใหม่เสนอมุมกลับให้ทหารอาชีพเป็นผู้เสนอการจัดซื้อยุทโธปกรณ์เพื่อมาใช้กับตัวเอง” รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าว