“ไทคอน”สยายปีกธุรกิจ ผนึกพันธมิตรยักษ์ใหญ่ “สหไทย เทอร์มินอล” เตรียมเปิดโลจิสติกส์พาร์คบนพื้นที่เชิงกลยุทธ์แห่งใหม่ รองรับดีมานด์ตลาดอี-คอมเมิร์ซ ที่เติบโตในยุคดิจิทัล นายโสภณ ราชรักษา ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ไทคอน เปิดเผยว่า ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ (E-commerce) และธุรกิจขนส่งต่างๆ กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ความต้องการพื้นที่จัดเก็บ และกระจายสินค้าในบริเวณใกล้เมืองเพิ่มสูงขึ้น บริษัทเล็งเห็นโอกาสในการขยายธุรกิจคลังสินค้าที่สอดรับกับแนวโน้มเศรษฐกิจ จึงได้ร่วมลงทุนเพื่อพัฒนาและบริหารศูนย์โลจิสติกส์พาร์คแห่งล่าสุด ซึ่งจะเป็นความร่วมมือระหว่าง บริษัทไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน)และบริษัทสหไทย เทอร์มินอล จำกัด (มหาชน)ในสัดส่วนการลงทุน 75-25 เพื่อจัดตั้งบริษัทบางกอก โลจิสติกส์ พาร์ค จำกัด (Bangkok Logistics Park) เดินหน้าต่อยอดธุรกิจพัฒนาศูนย์กระจายสินค้าเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันพร้อมส่งมอบบริการแบบครบวงจร “ความร่วมมือในครั้งนี้นับเป็นมิติใหม่ของธุรกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมเพราะเป็นการผสานความแข็งแกร่งของทั้งสองพันธมิตรยักษ์ใหญ่จากสองธุรกิจเข้าด้วยกัน โดยบริษัทฯ ซึ่งจะรับผิดชอบในการพัฒนาโลจิสติกส์พาร์ค คลังสินค้าคุณภาพสูง และการบริหารจัดการที่ทันสมัย ประสานกับความแข็งแกร่งของสหไทย เทอร์มินอล ผู้นำการให้บริการท่าเรือ และโลจิสติกส์แบบครบวงจร เพื่อร่วมกันพัฒนาโลจิสติกส์พาร์ค และศูนย์กระจายสินค้าในพื้นที่เชิงกลยุทธ์แห่งใหม่บริเวณขอบเมืองกรุงเทพฯ ซึ่งจะสามารถพัฒนาเป็นพื้นที่สำหรับจัดเก็บสินค้าได้รวมกว่า 40,000 ตารางเมตร ทั้งนี้คาดว่าจะเริ่มดำเนินการพัฒนาพื้นที่ภายในไตรมาสที่สามของปี 2562 นับเป็นการต่อยอดธุรกิจของทั้งสองพันธมิตรเพื่อนำเสนอโซลูชั่น และบริการที่ครบวงจรเพิ่มเติมให้กับลูกค้าของทั้งสองบริษัทได้มากที่สุด บริษัทฯ มั่นใจว่าความร่วมมือดังกล่าวจะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และผลักดันให้อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ไทยเติบโตขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ นางเสาวคุณ ครุจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สหไทย เทอร์มินอล จำกัด (มหาชน) หรือ สหไทย เทอร์มินอล กล่าวว่า ปัจจุบัน บริษัทสหไทย เทอร์มินอล มีพื้นที่ให้บริการรวมกว่า 315,200 ตารางเมตร ประกอบด้วยท่าเทียบเรือเชิงพาณิชย์ พื้นที่ซ่อมบำรุงตู้คอนเทนเนอร์ สำนักงานศุลกากรภายในพื้นที่ท่าเรือ และมีเครื่องมือประจำท่าเรือสำหรับยกขนสินค้าทุกรูปแบบพร้อมนำเสนอบริการที่ยืดหยุ่นตามความต้องการของลูกค้าด้วยระบบโซลูชั่นที่ทันสมัย ได้มาตรฐานระดับสากล และมีนโยบายในการต่อยอดธุรกิจเพื่อมอบบริการที่ครอบคลุมและครบวงจรอยู่เสมอ ซึ่งการร่วมมือกับไทคอนจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านเครือข่ายในการดำเนินธุรกิจให้กับบริษัท การจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในครั้งนี้จึงนับเป็นการขยายธุรกิจ และพันธมิตรทางธุรกิจที่เสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขัน และมอบบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น