ดนตรี/วรรณากร ทองเสริม แม้ว่าจะยังไม่ได้ก้าวถึงระดับซูเปอร์สตาร์ตัวแม่ในสายป็อปอย่าง เลดี้ กาก้า, บียอนเซ่, เคที่ เพอร์รี่, เทย์เลอร์ สวิพท์ ฯลฯ แต่ชื่อของ ริต้า โอร่า ก็เป็นที่คุ้นเคยของคนฟังเพลงฝรั่งบ้านเราไม่น้อย เพลงของเธอถูกเปิดในรายการวิทยุบ่อยครั้งในแต่ละวัน จะเรียกว่าเป็นศิลปินประเภทมาเงียบๆ แต่เพลงฮิตเพียบก็ว่าได้ สาวสวยเชื้อสายอัลเบเนียจากอังกฤษคนนี้ไม่ใช่เด็กหน้าใหม่ของวงการแล้ว อัลบั้ม Phoenix ซึ่งเป็นงานชุดล่าสุดของเธอนี้เป็นผลงานชุดที่ 2 ต่อจากอัลบั้ม Ora ที่ออกมาตั้งแต่ปี 2555 และดูรูปการณ์แล้วก็อาจพูดได้ว่าประสบความสำเร็จไม่น้อย อีกทั้งยังมีผลงานการแสดงภาพยนตร์และร่วมงานในรายการโทรทัศน์หลายรายการหลังจากนั้น จึงอดแปลกใจไม่ได้ที่ได้รับรู้ว่าเธอทิ้งช่วงถึง 6 ปี ก่อนจะออกผลงานเพลงชุดใหม่ ต่อมาจึงได้รู้ว่าเธอเกิดความขัดแย้งเรื่องสัญญาจนกลายเป็นคดีความถึงดรงถึงศาลกับต้นสังกัดเดิม ริต้า ต้องใช้เวลาสะสางเรื่องยุ่งยากต่างๆ ให้จบ จึงจะมีสิทธิออกผลงานใหม่อย่างเต็มรูปแบบ การณ์กลายเป็นว่า การทิ้งระยะที่ดูเหมือนยาวนานนี้กลับเป็นผลดีสำหรับคนฟังในแง่ที่ว่าเธอสามารถขัดเกลางานของตัวเองจนเป็นที่น่าพอใจ อัลบั้ม Phoenix คืองานที่ใกล้เคียงกับความสมบูรณ์แบบมาก ริต้า โอร่า เป็นศิลปินอีกรายที่แสดงให้เราเห็นว่า “ป็อป” ไม่ได้แปลว่า “ง่าย” ในแง่ของการทำงาน แน่นอนว่า เพลงของ ริต้า ไม่ใช่เพลงที่สลับซับซ้อนราวกับเพลงโปรเกรสซีฟร็อค และเนื้อหาส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องของความรักและห้วงอารมณ์ของความสมหวัง-ผิดหวังในความสัมพันธ์ต่างๆ แต่ก็ใช่ว่าจะตื้นเขินจนหาสาระไม่ได้ เธอฉลาดพอที่จะทำให้เพลงของตัวเองมีมิติและมีจุดเด่นอย่างใดอย่างหนึ่งเสมอ ซึ่งอาจเป็นในแง่ของเนื้อร้อง ในแง่ของสไตล์ดนตรีหรือในแง่ของแขกรับเชิญ เช่นเดียวกับในอัลบั้มก่อนหน้า ริต้้า ส่งซิงเกิลโปรโมทออกมาหลายเพลง ล้วนแล้วแต่ประสบความสำเร็จ ในงานชุดนี้ ริต้า บรรจุเพลงดีๆ เอาไว้มากมาย เป็นเพลงป็อป-แดนซ์-อาร์แอนด์บีที่มีแนวโน้มจะไต่ชาร์ตเพลงยอดนิยมได้โดยไม่ต้องออกแรงมาก แล้วยังได้ผู้ร่วมงานที่ทำให้เพลงน่าสนใจยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น “Anywhere”, “Let You Love Me”, “Girls”, “Girls” ที่มีแขกรับเชิญอุ่นหน้าฝาคั่ง ทั้ง คาร์ดี บี, บีบี้ เร็กซ่า และ ชาร์ลี เอ็กซ์ซีเอ็กซ์ นอกจากนี้ยังมี “Lonely Together” ที่เป็นผลงานร่วมกับ อาวิชี่ ก่อนเขาจะจากไป, “Your Song” ที่ได้ เอ๊ด ชีแรน มาช่วย และ “For You” ซึ่งเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ Fifty Shades Freed ด้วย ในอัลบั้มเวอร์ชันเดอลุกซ์ จะมีเพิ่มมาอีก 4 เพลง ซึ่งมีทั้งเพลงแบบนุ่มๆ เบาๆ และออกไปทางแจสส์อย่าง “Velvet Rope” สไตล์เพลงทำให้เราคิดถึงเพลงยุคแจ๊คสันไฟว์ โดย ริต้า โชว์เสียงใสๆ ท่ามกลางเสียงดนตรีประกอบบางเบา แซมด้วยเครื่องเป่า ทำให้เพลงน่ารักน่าฟังมาก และมีเพลงที่ให้อารมณ์หนักแน่นเข้มข้นอย่าง “Soul Survivor” บังเอิญเหลือเกินว่าในเวลาไล่เลี่ยกับการปิดต้นฉบับก็ได้ข่าวว่า ริต้า โอร่า จะมาแสดงคอนเสิร์ตที่เมืองไทยในราวต้นเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ เมื่อมองจากเพลงที่เธอมีและความนิยมที่เธอกำลังได้รับเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว เชื่อว่า ริต้า จะประสบความสำเร็จกับการมาเยือนไทยครั้งนี้ได้ไม่ยาก