อธิบดีประมง ปลื้มทรัพยากรทางทะเลฟื้นคืนความอุดมสมบูรณ์ ยันปี 61 จับสัตว์น้ำได้เพิ่ม 2 แสนตัน หลังพยายามจัดระเบียบกองเรือประมงไทย กว่า 3 ปี อียูให้ใบเขียว ประมงไทย วันนี้ (17 ม.ค.62) นายอดิศร พร้อมเทพ อธิบดีกรมประมง เปิดเผยถึงมาตรการดูแลชาวประมง ภายหลังสหภาพยุโรปปลดใบเหลืองและให้ใบเขียวกับประมงไทยว่า เป็นเรื่องน่ายินดีและจากนี้ไปยังคงต้องดูแลเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องไม่ให้มีปัญหาการทำประมงผิดกฏหมาย การจับสัตว์น้ำมากเกินกว่าจำนวนสัตว์น้ำที่มี การใช้เครื่องมือประมงทำลายล้างทรัพยากรในทะเล โดยกรมประมงจะหาเครื่องมือประมงอื่นมาทดแทน ทั้งนี้มั่นใจว่า จะส่งผลดีด้านเศรษฐกิจของประเทศ โดยประมงพื้นบ้านจะจับสัตว์น้ำได้มากขึ้น ส่วนอุตสาหกรรมประมงจะสามารถส่งออกได้ดี เพราะสร้างความเชื่อมั่นแก่ประเทศที่เคยนำเข้าสัตว์น้ำจากไทย แนวโน้มที่ประเทศอื่นจะอนุญาตให้เรือประมงไทยไปทำประมงในน่านน้ำของประเทศนั้นๆ จะมากขึ้น ล่าสุดปาปัวนิวกินีและพม่าได้ติดต่อมา และอย่ะระหว่างเจรจากัน ในส่วนมาตรการควบคุมการทำประมงที่ชาวประมงร้องเรียนว่า เข้มงวดมากเกินไปและใช้กฏหมายแรง เช่นยึดเรือ ยึดสัตว์น้ำ มีค่าปรับในอัตราที่สูง5แสน-1 ล้านบาท นั้น กรมประมงได้ผ่อนผันให้ตามความเหมาะสม รวมทั้ง การแจ้งเรือเข้าและออกจากท่าเรือ จากเดิมใช้เอกสารจำนวนมาก ได้นำระบบอิเล็คทรอนิคส์มาใช้ ทำให้สะดวกขึ้น ส่วนจำนวนวันที่ออกทำประมง ได้เพิ่มจำนวนวันให้ ตามที่ทรัพยากรธรรมชาติฟื้นตัวขึ้น โดยในปีที่ผ่านมา เรือประมงพาณิชย์สามารถจับสัตว์น้ำได้เพิ่มขึ้นถึง 2 แสนตันเป็นสิ่งแสดงให้เห็นว่ามาตรการที่ทำมากว่า3 ปี ได้ผลทรัพยากรทางทะเลฟื้นกลับมา ตามที่รัฐบาลมุ่งหวังคือ การทำให้เกิดการทำประมงอย่างยั่งยืน สามารถฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลเพื่อให้สัตว์น้ำสำหรับบริโภคในประเทศและส่งออกมีความอุดมสมบูรณ์เหมือนในอดีต ทั้งนี้ จากการสำรวจและขึ้นทะเบียนเรือประมงชายฝั่ง ซึ่งเป็นเรือที่มีขนาดต่ำกว่า 10 ตันกรอส โดยเบื้องต้นมีข้อมูลว่า มีประมาณ 27,000 ลำ ซึ่งกำลังเร่งให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการ นอกจากนี้ยังจะจัดทำกองทุนพัฒนาการประมงเพื่อสนับสนุนการทำประมงที่ยั่งยืน มีงบประมาณในการชดเชย เยียวยา เรือประมงทุกประเภทที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องต่างๆ ซึ่งจะแล้วเสร็จในสิ้นเดือนมกราคมนี้ จากนั้นกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะนำเสนอครม. พิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป ส่วนโครงการนำเรือประมงออกนอกระบบ จะมีความชัดเจนภายในเดือนนี้เช่นกัน โดยจะมีการประชุมคณะอนุกรรมการกลั่นกรองอีกครั้งในสัปดาห์หน้า