กลายเป็นข่าวคึกโครมผ่านโลกโซเชียล หลังลูกค้าธนาคารกรุงไทย (KTB) ออกมาโวย "เงินฝากล่องหน" จากกรณีที่เงินในบัญชีของมารดาที่ฝากไว้กับธนาคารกรุงไทยสาขา อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน หายไปจากบัญชี 2.9 แสนบาท โดยที่เจ้าตัวไม่ได้ทำธุรกรรมใดๆ ภายหลังการตรวจสอบของธนาคารพบว่าเรื่องดังกล่าวเป็นความจริง แต่ไม่ได้เกิดขึ้นจากความขัดข้องของระบบแต่ประการใดเป็นเรื่องทุจริตของพนักงาน และเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2562 ที่ผานมาได้คืนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยเข้าบัญชีผู้เสียหายไปแล้ว พร้อมส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่ามีลูกค้าได้รับความเสียหายจากการกระทำของพนักงานรายดังกล่าวอีก 13 รายวงเงินสูงสุดกว่า 3 แสนบาท ทำเอาลูกค้าที่มีเงินฝากขวัญกระเจิง ตามๆกัน กระทบถึงความเชื่อมั่นในระบบการรักษาความปลอดภัยธนาคาร ถามว่าเกิดอะไรขึ้น การทุจริตในครั้งนี้...เกิดขึ้นจาก พนักงานคนดังกล่าว แอบปลอมลายเซ็น และใช้สำเนาบัตรประชาชน ลูกค้าในการแอบถอนเงินออกจากบัญชีลูกค้า ไม่ใช่เรื่องใหม่ที่เกิดขึ้น ต้องแยกระหว่างเรื่องของระบบ และตัวบุคคล ก่อนหน้านี้ธนาคารพาณิชย์ หลายแห่งก็เกิดเหตุการณ์ ทำนองเดียวกัน ใครถูกจับได้ก็ถูก “ไล่ออก”เสียอนาคตตามๆกัน ส่วนลูกค้าแบงก์ก็พร้อมคืนเงินต้นและดอกเบี้ย คนอยู่ใกล้กับ “เงิน” ย่อมมีความ “โลภ” ขาดการยับยั้งชั่งใจ บางราย “หนี้สินอีรุงตุงนัง” ติดการพนัน หาทางออกด้วยวิธีการที่ผิดๆ ด้วยการ “ล้วงเงินฝาก” จากบัญชีลูกค้า สุดท้ายก็เป็นอย่างที่เห็น เพราะ “เส้นทางเงิน” สามารถตรวจสอบได้ คนที่เป็นลูกค้าเงินฝาก...ก็อย่าได้ประมาท หมั่นอัพเดทสมุดบัญชีเงินฝาก...อย่างน้อยเดือนละครั้ง อย่าปล่อยให้นิ่ง และที่สำคัญสำเนาบัตรประชาชน...อย่าปล่อยให้ใครเอาไปใช้ ทุกครั้งที่ใช้ขีดคร่อม ลงวันที่ วัตถุประสงค์การนำไปใช้ ให้ชัดเจน เดี๋ยวจะมีมือที่มองไม่เห็น...แอบถอนเงิน ทำเงิน “ฝากล่องหน” โดยไม่รู้ตัว ขอขอบคุณข้อมูลจากโรนิน Share2Trade.com