วันจันทร์ ที่ 14 มกราคม 2562 พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม, พล.ต.ท.ธีรพล คุปตานนท์ผบช.ทท., พล.ต.ต.กฤษกร พลีธัญญวงศ์รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม ผบก.สส.สตม., พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ผบก.ตม.3, พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ ผบก.จร.พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สตม. ตำรวจท่องเที่ยว และชุด ศปอส.ตร. .แถลงข่าวติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับคดี call center และ romance scams ค้างเก่า พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าว่า การระดมกวาดล้างหมายจับผู้ต้องหาคดี Romance Scam และ Call center ” ระหว่างวันที่ 7 – 13 มกราคม 2562 ตามนโยบายของรัฐบาลภายใต้การบริหารประเทศของ พลเอกประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี และ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้กําหนดยุทธศาสตร์และมาตรการในการป้องกันและ ปราบปรามการฉ้อโกงประชาชนผ่านระบบโทรศัพท์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ในรูปแบบต่างๆ และได้เร่งรัดให้ สํานักงานตํารวจแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักในการดําเนินการแก้ไขปัญหาให้เห็นเป็นรูปธรรม สํานักงานตํารวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ จึงได้มีคําสั่ง ให้จัดตั้งศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สํานักงานตํารวจแห่งชาติ ( ศปอส.ตร.) โดยได้ รวบรวมเจ้าหน้าที่ที่มีความสามารถมาปฏิบัติหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ เพื่อเร่งรัดในการติดตามจับกุม คนร้ายซึ่งมีแผนประทุษกรรมที่ซับซ้อน การกระทําผิดมีการแบ่งหน้าที่กันทําและเกี่ยวข้องกับต่างประเทศ ซึ่ง ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สํานักงานตํารวจแห่งชาติ ( ศปอส.ตร.) ได้ประสาน การปฏิบัติกับประเทศต่างๆ ที่เกี่ยวข้องภายใตนโยบาย One World One Team โดยการแลกเปลี่ยนข้อมูล และร่วมปฏิบัติการในหลายประเทศ ตลอดจนเฝ้าระวังและปราบปรามอย่างจริงจังต่อเนื่อง ภายใต้นโยบาย หมายจับคดี Romance Scam และ Call Center เป็น ศูนย์ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าอีกว่า ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สํานักงานตํารวจแห่งชาติ ( ศปอส.ตร.) เร่งรัดการจับกุมผู้ต้องหาที่ถูกออก หมายจับไว้แล้ว โดยในห้วงเวลาระหว่างวันที่ 7 – 13 มกราคม 2562 ซึ่งเป็นความผิดในคดี Romance Scam รวม จํานวน 70 ราย และ ผู้ต้องหาในคดี Call center รวมจํานวน 48 ราย โดยมีเป้าหมายการจับกุมผู้ต้องหา ครบ 100 เปอร์เซ็นต์ โดยมีผลการปฏิบตัสามารถจับกุมผู้ต้องหา ตามหมายจับ คดี Romance Scam จํานวน 8 ราย 8 หมาย ,อายัดตัวผู้ต้องหา 4 ราย 4 หมายจับ โดยผู้ต้องหาเป็นชาวไทยทั้งหมด รวมดําเนินการทั้งสิ้น ทั้งหมด 12 หมายจับซึ่งเจ้าหน้าที่ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สํานักงานตํารวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) ยังคงดําเนินการติดตามตัวผู้ต้องหาตามหมายจับ ที่ยังหลบหนีทั้งหมดอย่างต่อเนื่อง ต่อไป