ทั้ง “นายใหญ่” และ “นายหญิง” ต่างออกมาเต้นฟุตเวิร์คข้ามประเทศ นัยว่าเพื่อ “ปลุกขวัญกำลังใจ” ให้กับ “ลูกพรรคเพื่อไทย” ในยามที่ต้องเผชิญหน้ากับ “พายุการเมือง” รอบทิศรอบทาง แต่ดูเหมือนว่า เบื้องลึกเบื้องหลังแล้ว สถานการณ์ของพรรคเพื่อไทยในเวลานี้ ยังไม่สู้ดีนัก ยิ่งเมื่อวันเลือกตั้งยังไม่มีความชัดเจน นั่นหมายความว่า จากนี้ไปพรรคเพื่อไทย ไปจนถึง “พรรคสาขา” จะยืนระยะเพื่อต่อสู้กับศึกใหญ่กันอย่างไร !? ปัญหาภายในพรรคเพื่อไทย วันนี้นอกจากจะยังไม่ตกผลึกว่าที่สุดแล้ว “นายใหญ่” อย่าง “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี และ “คุณหญิงอ้อ”คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภริยา ทักษิณ ในฐานผู้กุมบังเหียนพรรคเพื่อไทยตัวจริง จะสนับสนุน “ใคร” ให้ขึ้นมาเป็น “แคนดิเดตนายกฯ” ของพรรคเพื่อไทย ตัวจริง ระหว่าง “คุณหญิงหน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์เลือกตั้ง กับ “รัฐมนตรีที่แข็งแกร่งในปฐพี” อย่าง “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย ที่เพิ่งได้รับไฟเขียว จาก “บิ๊ก” ในพรรคเพื่อไทย ให้ทำหน้าที่เป็น “ผู้ท้าชิง” เก้าอี้ “นายกฯคนที่ 30” กับ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ลำพังศึกใน ของพรรคเพื่อไทยยังไม่บรรเทา ล่าสุดน่าสนใจว่าสิ่งที่ พรรคเพื่อไทย -พรรคไทยรักษาชาติ และ พรรคเพื่อชาติ ซึ่งเป็นพรรคสาขา ต้องรับมือคือโจทย์ที่ว่าจะทำอย่างไรจึงจะบริหารทั้ง “กระสุน” ให้สามารถกวาด “กระแส” ให้ได้มากที่สุด เพราะเวลานี้ปัญหาใหญ่ ของเพื่อไทยคือการที่ “พรรคคู่แข่ง” พากัน “ออกอาวุธ” กันได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็น “นโยบาย” หรือการนำ “ผลงานรัฐบาล” ไปต่อยอด ไปจนถึง การหว่านเม็ดเงินลงไปยัง “แกนนำ” และ “หัวคะแนน” ในจังหวัดต่างๆ โดยเฉพาะพื้นที่ ที่มีการต่อสู้กันอย่างรุนแรง ขณะที่พรรคเพื่อไทยเอง กลับประสบปัญหา ว่าวันนี้ ทั้ง “นายใหญ่-นายหญิง” ยังไม่ยอม “ปล่อยกระสุน” เปิดท่อน้ำเลี้ยง ออกมามากเท่าที่ควรจะเป็น มิหนำซ้ำ บรรดา “แกนนำพรรค” ที่เดินสายลงไปหาเสียง ยังเจอกับการถูกประกบจากคนของรัฐบาลเอง ทำให้การขยับทางใด ทางหนึ่งไม่สะดวกโยธิน เมื่อเทียบกับ บรรดาคู่แข่งจากพรรคที่สนับสนุน คสช.ชู “บิ๊กตู่” เป็น “นายกฯรอบสอง” เมื่อเกมในพื้นที่ ขยับได้ยาก ขุนพลของพรรคเพื่อไทย ไทยรักษาชาติ และเพื่อชาติ สามพรรคในเครือข่ายอำนาจทักษิณ ไม่อาจเดินรุดไปข้างหน้าได้อย่างใจนึก ด้วยเหตุนี้จึงไม่น่าแปลกใจที่จะพบว่า เหตุใด อดีตนายกฯ ทักษิณ และยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ผู้เป็นน้องสาว จึงต้องเล่นเกม “เขย่าขวัญ” มายังคสช. ข้ามประเทศ ระลอกแล้วระลอกเล่า หนึ่ง เพื่อให้ลูกพรรค ทั้งสามพรรคในมือ ได้เกิดความ มั่นใจและเดินหน้า “พาทักษิณ กลับบ้าน” กันต่อไป สอง เพื่อให้ลูกพรรค เชื่อว่า การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ได้โดดเดี่ยว และสาม เพื่อไปสู่เป้าหมายคือชัยชนะอย่างท่วมท้น จนสามารถล้มล้างรัฐธรรมนูญฉบับ คสช. ลงได้ แต่การที่พรรคเพื่อไทย ในฐานะพรรคใหญ่ พร้อมด้วยพรรคสาขา ทั้งไทยรักษาชาติ และเพื่อชาติ จะเดินไปถึงจุดหมายที่ว่าได้นั้น ย่อมต้องหมายความว่า “เกมการเล่น” ที่วางเอาไว้ ต้องบรรลุเป้าหมาย นั่นคือพรรคเพื่อไทยกวาดที่นั่งส.ส.เขต ได้เหนือทุกพรรคคู่แข่ง ส่วนไทยรักษาชาติ และเพื่อชาติ จะทำหน้าที่เก็บเกี่ยวส.ส.ระบบปาร์ตี้ลิสต์รวบรวมที่นั่งส.ส.ให้ได้กว่า 250 ที่นั่ง ! ทว่า เมื่อในความเป็นจริง ท่อน้ำเลี้ยง ยังไม่ถูกปล่อยออกมา อีกทั้งส.ส.ในหลายจังหวัด ของพรรคเพื่อไทยก็ถูก “พลังดูด” ของ “พลังประชารัฐ” ดึงตัวไปอยู่ด้วย ย่อมจะส่งผลตามมาอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะอย่าลืมว่า วันนี้กระแสทักษิณ ไม่ได้เปรี้ยงปร้าง ดังกระหึ่มเหมือนที่ผ่านมา ดังนั้น “กระแส” และ “คะแนนเสียง” ของ อดีต ส.ส.เจ้าของพื้นที่ จึงมีความสำคัญ เหนือกว่ากระแสพรรค เมื่อเจ้าของพื้นที่ย้ายพรรค คะแนนนิยมจึงตามติดตัวอดีตส.ส.ไปด้วยเป็นส่วนใหญ่ มิหนำซ้ำ วันนี้ “กระสุน” เสบียงกรังยังไม่ถูกระบายออกมาจาก “ต้นน้ำ” เจ้าของพรรคที่อยู่แดนไกล ยิ่งส่งผลต่อการเคลื่อนไหวต่อสู้กับคู่แข่ง ไปโดยปริยาย ครั้นจะหันไปพึ่งพา จาก “นายทุน-นักธุรกิจ” ในพื้นที่ ที่เคยช่วยเหลือค้ำจุน เมื่อยาม “ทักษิณฟีเวอร์” ก็เห็นทีจะยากเย็น เพราะมีรายงานข่าวจากวงใน เพื่อไทยเองระบุว่า นักธุรกิจ และนายทุน เองก็ไม่อยากแบกรับ “ความสุ่มเสี่ยง” ด้วยการแสดงตัวยื่นมือเข้ามาให้การสนับสนุน เครือข่ายของทักษิณ หลังจากที่ประเมินกันแล้วว่า หนึ่ง การเลือกตั้งจะมีขึ้นหรือไม่ และสอง คสช.มีโอกาสที่จะ “อยู่ยาว” ! ทั้งหลายทั้งปวง จึงล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่สร้างความหนักอกหนักใจให้กับบรรดาอดีตส.ส. และว่าที่ผู้สมัครอยู่ไม่น้อย หากถามว่า แล้วทำไม “นายใหญ่-นายหญิง” จึงยังไม่เปิดท่อน้ำเลี้ยง ลงมา คำตอบก็ไม่มีอะไรมากไปกว่า เจ้าของพรรคก็ยังไม่แน่ใจ ทั้งสถานการณ์การเมือง และ “อนาคต” ของ คนในบ้านชินวัตรที่ยังพันอยู่กับ “คดีความ” ด้วยซ้ำ ว่าจะจบลงอย่างไร !