วันศุกร์ ที่ 11 มกราคม 2562 เวลา 01.00 น. (กลางคืนวันพฤหัสต่อวันศุกร์) พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. พล.ต.ท.ธีรพล คุปตานนท์ ผบช.ทท., พล.ต.ต.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.วรพงษ์ ทองไพบูลย์ ผบก.ทท.1, พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม ผบก.สส.สตม., พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ผบก.ตม.3, พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ ผบก.จร., พ.ต.อ.ศารุติ แขวงโสภา รอง ผบก.ทท.1 พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวทุกสถานีปฏิบัติการออกระดมกวาดล้างอาชญากรรม และบูรณาการกำลังจากหน่วยงานภาครัฐหลายฝ่ายประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ 191, หน่วยอรินทราช 26, หน่วยรบพิเศษสยบไพรี จากกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด, สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และ สน.บางรัก ร่วมกันปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายบุคคลต่างด้าวที่อยู่ในประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย จำนวน 239 เป้าหมาย ทั่วประเทศ สามารถทำการจับกุมผู้ต้องหาได้ ทั้งหมด 490 ราย จับกุมข้อหา “เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด”จำนวน 21 ราย (สัญชาติอินเดีย 4 ราย, ลาว 4 ราย, เมียนมา 4 ราย, เยอรมัน 2 ราย, สวีเดน 2 ราย, เวียดนาม 2 ราย, อเมริกา 1 ราย, รัสเซีย 1 ราย, อิตาลี 1 ราย), จับกุมข้อหา “เป็นคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต”จำนวน 249 ราย (สัญชาติเมียนมา 113 ราย, ลาว 71 ราย, กัมพูชา 64 ราย, ปากีสถาน 1 ราย) จับกุมข้อหาอื่นๆ จำนวน 220 ราย (สัญชาติไทย 115 ราย, กัมพูชา 42 ราย, เมียนมา 33 ราย,จีน 16 ราย, ลาว 7 ราย, อินเดีย 2 ราย, ญี่ปุ่น 2 ราย, อิตาลี 1 ราย, อเมริกา 1 ราย, อังกฤษ 1 ราย) ​​โดยแจ้งเป็นข้อหา​เป็นผู้ครอบครองเคหสถาน รับคนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ราชอาณาจักร เป็นการชั่วคราวเข้าพักอาศัย แล้วไม่แจ้งต่อเจ้าพนักงาน ภายใน 24 ชั่วโมง จำนวน 99 ราย ​​เป็นคนต่างด้าวได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว ไม่พักอาศัย ณ ที่ที่ได้แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ จำนวน 69 ราย ​ข้อหาตาม พรก.การทำงานของคนต่างด้าว จำนวน 15 ราย ​ข้อหาอื่นๆ จำนวน 37 ราย ​ในการตรวจสอบครั้งนี้ ได้ทำการตรวจสอบเป้าหมายจำนวนทั้งสิ้น 239 เป้าหมาย แบ่งเป็นเป้าหมาย โรงเรียน/สถานศึกษา 3 เป้าหมาย, บริษัท/ร้านค้า 60 เป้าเหมาย, สถานบริการ 10 เป้าหมาย, โรงแรม/หอพัก/ที่อยู่อาศัย 74 เป้าหมาย และ เป้าหมายอื่นๆ จำนวน 92 เป้าหมาย​รวมยุทธการ 42 ครั้ง ตรวจค้นเป้าหมาย 6,252 เป้าหมาย จับกุมผู้กระทำความผิดได้ ทั้งหมด 6,468 ราย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตามนโยบายของรัฐบาล ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติกวดขันจับกุมกลุ่มชาวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศโดยแฝงตัวเป็นนักท่องเที่ยว เพื่อเข้ามาก่ออาชญากรรมข้ามชาติและอาชญากรรมที่กระทบกับความมั่นคงส่งผลต่อภาพลักษณ์และการท่องเที่ยวของประเทศไทย เช่น กลุ่มเครือข่ายหลอกลวงแต่งงาน (Romance Scam) กลุ่มเครือข่ายผลิตและปลอมบัตรเครดิต (Skimming) กลุ่มชาวต่างชาติที่ตั้งตัวเป็นกลุ่มกระทำผิดอาชญากรรมต่างๆ และยาเสพติด รวมถึงกลุ่มชาวต่างชาติพักอาศัยอยู่ในประเทศโดยการอนุญาตสิ้นสุดลง ซึ่งในปัจจุบันได้พัฒนาวิธีการกระทำความผิดให้มีความซับซ้อน และหลบเลี่ยงการตรวจจับของเจ้าหน้าที่รัฐสำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงได้สนองนโยบายรัฐบาล สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว