พลพรรคช้างศึก เพิ่งเดินทางจากกรุงอาบูดาบี มาถึงนครดูไบ เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ก่อนที่ “โค้ชโต่ย” ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย ที่เพิ่งถูกดันขึ้นมาขัดตาทัพแทนที่ มิโลวาน ราเยวัช นำลูกทีมลงฝึกซ้อมทันที โดยเน้นไปที่การฟื้นฟูสภาพร่างกายกลุ่มผู้เล่นตัวหลัก จากเกมที่แพ้ ทีมชาติอินเดีย 1-4 และเน้นเรื่องการจบสกอร์ในจังหวะสุดท้าย และเน้นไปที่แท็คติกที่จะใช้ในการพบกับบาห์เรน รวมถึงการเคลื่อนที่ และใช้จังหวะให้น้อยที่สุดในการจบสกอร์ ใช้เวลาราว 2 ชั่วโมงจึงแล้วเสร็จ โดยมีพล.ต.อ.ดร. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เดินทางมาให้กำลังใจช้างศึกจนกระทั่งจบการฝึกซ้อม “โค้ชโต่ย” กล่าวว่า ผมเข้ามารับงานก็จริง แต่ผมก็อยู่กับทีมมาตลอดตั้งแต่รอบคัดเลือกฟุตบอลโลก ซึ่งมันก็ผ่านช่วงเวลาที่ตื่นเต้นมาตั้งแต่เมื่อวาน ที่ท่านนายกฯ เรียกไปคุยให้มาทำหน้าที่กับน้อง โชคทวี พรหมรัตน์ โดยให้ผมทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ซึ่งผมมองว่ามันน่าจะเลยในเรื่องของความกดดันไปแล้ว เราต้องทำให้ดีที่สุด เพื่อให้คนไทยได้มีความสุขกับการเล่นของน้องๆ “มันก็เหมือนกับการฝ่ามรสุมมาช่วยทีม ทำยังไงก็ได้ให้ทีมมันดีขึ้น และพาน้องๆ ทำผลงานให้ดี และเท่าที่ผมสัมผัสกับน้องๆ และทีมงานที่เราอยู่ร่วมกัน อย่างเกมล่าสุดที่เราพ่ายต่ออินเดีย ผมมองว่าครึ่งแรกเราเล่นได้ดี แต่ครึ่งหลังเราเสียสมาธิ ไปเสียลูกที่สอง เลยกลายเป็นว่าเราช็อคไปเลย ผมว่าถ้าเราเล่นแบบรัดกุม ผมว่าใน 2 เกมที่เหลือน่าจะสนุก เราต้องทำให้ดี อย่างน้อยๆ ก็ทำให้เห็นว่ามีการพัฒนาในสิ่งที่ดี ดังนั้นอาจจะมีเซอร์ไพรส์ก็ได้” “บรรยากาศภายในทีมตอนนี้ทุกคนก็มีความสุข และพร้อมที่จะสู้ในอีก 2 แมตช์ที่เหลือ ซึ่ง 2 เกมนี้ ถ้ามองในเรื่องของแรงกิ้ง เราก็ต้องเล่นแบบถ่อมตัว ถ้าเราไปเปิดแลก มันก็จะเหนื่อย แต่ก็ไม่เน้นรับเสียทีเดียว ซึ่งตรงนี้ไว้ดูในเกมการแข่งขันดีกว่าครับ” ทั้งนี้“โค้ชโต่ย” ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย จะประเดิมคุม ทีมชาติไทย พบกับ ทีมชาติบาห์เรน ในเอเชียนคัพ 2019 นัดที่สอง ของกลุ่ม เอ วันที่ 10 มกราคม 2562 ณ สนาม อัล มัคตูม สเตเดียม, นครดูไบ เวลา 18.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ถ่ายทอดสดทางช่อง 7 HD และ FOX Sports HD