เฉลยปริศนาออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่า ผู้นำคณะในขบวนรถไฟสีเขียวเข้มแถบเหลือง ที่เดินทางมาถึง “กรุงปักกิ่ง” เมืองหลวงแดนมังกร จีนแผ่นดินใหญ่ เมื่อเวลาประมาณ 10.55 น. ของวันอังคารที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น นั้นเป็นใคร
ก็มิใช่ใครที่ไหนอื่นแต่เป็น “คิมน้อย” หรือ “คิม จอง-อึน” ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ พร้อมภริยาคู่ใจในฐานะสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของโสมแดง “รี ซอล-จู” และคณะเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลเปียงยาง ที่เดินทางมายังนครหลวงของแดนมังกรกันอย่างพร้อมพรั่ง
ตามการเปิดเผยของทางการเกาหลีใต้ “โสมขาว” ระบุว่า ปริศนาของคณะบุคคลที่อยู่ในขบวนรถไฟสีเขียวเข้มแถบเหลือง ซึ่งเป็นขบวนพิเศษของทางการเกาหลีเหนือนั้นว่า เป็นคณะบุคคลใด? หลังขบวนรถไฟสายพิเศษดังกล่าว เริ่ม “ล้อหมุน” เดินทางออกจากกรุงเปียงยาง นครหลวงของชาวโสมแดง ตั้งแต่ช่วงค่ำวันจันทร์ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น
กระทั่ง ขบวนรถไฟสายพิเศษปริศนามาถึงกรุงไกรของจีนแผ่นดินใหญ่ ความสงสัยต่างๆ ก็ปลาสนาการสิ้นไป เมื่อคณะบุคคลข้างต้นเดินออกมาจากขบวนรถไฟ ท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ทั้งจากทางจีนแผ่นดินใหญ่และเกาหลีเหนือเอง
ก็ถือเป็นครั้งที่ 4 ของ “คิมน้อย” ที่เดินทางย่ำแดนมังกร นับตั้งแต่ช่วงต้นปีที่แล้วเป็นต้นมาได้แก่ เมื่อวันที่ 26 มี.ค. วันที่ 7 พ.ค. วันที่ 19 มิ.ย. และล่าสุด วันที่ 7 ม.ค.ของปีนี้
พร้อมกันนั้น ก็มีกำหนดการต่างๆ คลอดออกมาจาก “เคซีเอ็นเอ” สำนักข่าวซึ่งเป็นกระบอกเสียงของรัฐบาลเปียงยาง ระบุว่า ผู้นำสูงสุดของพวกเขาและคณะ จะเยือนจีนแผ่นดินใหญ่ เป็นเวลา 4 วันด้วยกัน คือ เริ่มจากวันที่ 7 ม.ค.ไปสิ้นสุดเอาวันที่ 10 ม.ค.นี้ โดยก่อนหน้านี้ ไม่ได้มีการเปิดเผยใดถึงการเดินทางเยือนดังกล่าวจากทางฟากเกาหลีเหนือกันมาก่อน จนเรียเป็นการเดินทางอย่างสายฟ้าแลบ ไม่ประกาศแจ้งล่วงหน้า ก็ว่าได้
อย่างไรก็ตาม ได้มีรายงานว่า การเดินทางของ “คิมน้อย” ข้างต้น เป็นไปตามคำเชิญของ “ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีนแผ่นดินใหญ่” แต่ไม่ได้กำนดวัน ว. เวลา น. สำหรับการเดินทางที่แน่ชัดเท่านั้น แบบว่า “สี จิ้นผิง” ส่ง “เทียบเชิญ” แล้ว ส่วน “คิมน้อย” จะเดินทางมาวันไหน ก็แล้วแต่จะสะดวก
บรรดานักวิเคราะห์แสดงทรรศนะว่า “คิม จอง-อึน” เลือกที่เดินทางเยือนจีนแผ่นดินใหญ่ในช่วงนี็ ก็มีนัยยะสำคัญหาน้อยไม่ นอกเหนือจากการกระชับความสัมพันธ์ด้านต่างๆ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ที่พญามังกรจีน ไม่ผิดอะไรกับ “เสี่ยใหญ่” ที่คอยให้ความอุ้มชู จากการที่เกาหลีเหนือ ยังอยู่ในสภาวะถูก “คว่ำบาตร” หรือ “แซงก์ชัน” ทางเศรษฐกิจจากนานาชาติ ภายใต้การนำของ “สหรัฐฯ” อยู่
เริ่มจากที่ตัวของนายคิมและประเทศเกาหลีเหนือของเขาเอง ซึ่ง “ศ.ยัง มู-จิน” แห่ง “มหาวิทยาลัยเกาหลีเหนือ” ในกรุงโซล เมืองหลวงของเกาหลีใต้ ระบุว่า เป็นเป้าหมายของนายคิมเอง ที่ต้องการให้โลกได้เห็นภาพของเขาในฐานะ “ผู้นำของรัฐปกติธรรมดาคนหนึ่ง” คือ ให้เกาหลีเหนือ เหมือนรัฐ หรือประเทศธรรมดาทั่วไป ไม่ใช่ “รัฐโดดเดี่ยว” แปลกแยกแตกต่างจากรัฐ หรือประเทศอื่นๆ เฉกเช่นแต่เก่าก่อน
ขณะที่ นักวิเคราะห์รายอื่นๆ แสดงทรรศนะว่า การเดินทางเยือนจีนแผ่นดินใหญ่ครั้งที่ 4 หนนี้ ถือเป็นปฏิบัติการกดดันของทางฝั่งเกาหลีเหนือ ต่อสหรัฐอเมริกา ด้วยเหมือนกัน โดยเสมือนหนึ่งการเร่งให้ทางการวอชิงตัน เตรียมการเดินหน้า “ประชุมสุดยอด” หรือ “ซัมมิต” รอบที่ 2 ระหว่าง “คิม จอง-อึน” ผู้นำสูงสุดของพวกเขา กับ “ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ” ให้เร็วขึ้น หลังหลังรอบแรกมีขึ้นไปแล้วเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา ณ ประเทศสิงคโปร์ ท่ามกลางสถานการณ์บรรยากาศระหว่างเกาหลีเหนือกับสหรัฐฯ ในช่วงนี้ ต้องถือว่า “มึนตึง” กันพอสมควร
ด้านนักวิเคราะห์อีกส่วนหนึ่ง ก็ระบุว่า การเดินทางเยือนแดนมังกรของ “คิมน้อย” ก็เพื่อเป็นการแสดงออกของตัวเขาเองในฐานะผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ ต่อจีนแผ่นดินใหญ่ ว่ามากมายเพียงใด โดยนอกจากเยือนกระชับสัมพันธ์แล้ว “คิม จอง-อึน” ก็ยังถือโอกาสนี้ เฉลิมฉลองเนื่องในวันคล้ายวันเกิด อายุครบ 36 ปี (บางแห่งว่า อายุ 35 ปี โดย “คิม จอง-อึน” เกิดเมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2526 แต่บางแห่งว่าปี 2527) บนแผ่นดินมังกร เพื่อสะท้อนถึงการยกย่องของเขาที่มีต่อจีนแผ่นดินใหญ่แห่งนี้
อย่างไรก็ดี ประเด็นเรื่องการให้ความสำคัญของจีนแผ่นดินใหญ่ข้างต้น ก็ดูเหมือนว่า จะกลายเป็นภาระ และเผือกร้อนของทางการปักกิ่งอยู่มิใช่น้อย จากการที่กระแสนานาชาติเรียกร้องกระตุ้นเตือนต่อพญามังกรให้เร่งกดดันแก่เกาหลีเหนือ รีบปลดอาวุธนุก ยกเลิกโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธต่างๆ อันจะส่งผลให้ก่อเกิดสันติภาพบนคาบสมุทรเสียโดยไว ซึ่งต้องถือเป็นเรื่องยากที่จะให้โสมแดงไร้เขี้ยวเล็บ ไว้เป็นเครื่องมือต่อรอง