ป.รวบหนุ่มรับจ้างปลอมบัตรประชาชน – เอกสารราชการ แฉเจาะตลาดกลุ่มลูกค้าติวเตอร์มือปืนรับจ้างสอบ เมื่อวันที่ 8 ม.ค. ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป.สั่งการให้ พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา ผกก.2 บก.ป. พ.ต.ต.ณธัชพงศ์ สินสิริยานนท์ สว.กก.2 บก.ป.รับมอบตัว นายนิติพงษ์ ถาวรวิวัฒนบุตร หรือโจ้ อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1 ซอยโชคชัย 4 ที่ 14 แยก 45 แขวงและเขตลาดพร้าว กทม.ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 990/2561 ลงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2561 ข้อหาปลอมและใช้หรือแสดงบัตรประชาชนปลอม , ปลอมเอกสารราชการ และปลอมหรือแปลงบัตรอีเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ สืบเนื่องจากผู้ต้องหามีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติด และยังรับทำบัตรประชาชน ใบขับขี่ปลอม ส่งขายให้กับกลุ่มมิจฉาชีพ และผู้ที่ต้องการทุจริตการสอบแข่งขันต่างๆ โดยการสวมชื่อแทนกัน ต่อมาเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2561 กำลังตำรวจ บก.น.4 ได้เข้าตรวจค้นบ้านพักของผู้ต้องหารายนี้ โดยพบของกลาง คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค , เครื่องพิมพ์บัตรพลาสติก , บัตรประชาชนปลอม บัตรข้าราชการปลอม ใบขับขี่และเอกสารอื่นๆ ที่มีการปลอมแปลง โทรศัพท์มือถือ ยาไอซ์และอุปกรณ์การเสพจำนวนหนึ่ง และของกลางอื่นๆ รวม 28 รายการ จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาไว้สอบสวนดำเนินคดี กระทั่งคดีมีการพิจารณาในชั้นศาล ทางผู้ต้องหาได้รับการประกันตัว แล้วหลบหนีไม่ไปศาลตามนัด ศาลจึงออกหมายจับไว้ กระทั่งเมื่อถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจไล่ล่าติดตามจับกุมตัวอย่างหนัก ผู้ต้องหาจึงตัดสินใจเข้ามอบตัวดังกล่าว จากการสอบสวนนายนิติพงษ์ ให้การรับสารภาพว่า ได้ก่อเหตุปลอมแปลงบัตรประชาชน รวมทั้งเอกสารราชการและเอกสารต่างๆ จริง เพื่อนำไปขายให้กับลูกค้าที่มีความต้องการใช้เอกสารดังกล่าว สำหรับการปลอมบัตรประชาชนนั้นจะติดต่อซื้อแผ่นโฮโลแกรมลายน้ำของกรมการปกครอง จากเอเย่นต์รายหนึ่งในราคาม้วนละ 40,000 บาท สามารถใช้ทำบัตรประชาชนปลอมได้ประมาณ 200 ใบ ขณะที่ในส่วนของเอกสารบัตรสอบแข่งขัน กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นติวเตอร์ตามสถาบันกวดวิชาต่างๆ ย่านหน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง เพื่อใช้สำหรับรับงานสอบแข่งขันแทนผู้อื่น โดยมีการติดต่อรับงานทำบัตรและเอกสารปลอมต่างๆ ผ่านทางเฟซบุ๊ก และไลน์ ซึ่งลูกค้าจะส่งภาพถ่าย ข้อมูลส่วนตัวต่างๆ มาให้ ก่อนจะใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ปลอมแปลงเอกสาร โดยเรียกเก็บค่าใช้จ่ายจากลูกค้ารายละ 5,000-7,000 บาท เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับก่อนนำตัวส่งศาลอาญา ดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมกับเร่งสืบสวนขยายผลติดตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการที่เหลือต่อไป